ยังไม่มีใครล้มชาวนาได้ (Peasants’ Still Undefeated)

 


                                       ปี่ฟางข้าว : เขียน


         “กิเลสทำให้คนอดอยาก ความลำบากเป็นเรื่องของจิตใจ”

           


           เมื่อล้อตีนตะขาบของรถเกี่ยวข้าวจุ่มตัวลงในน้ำที่ขังในผืนนาหนวดกุ้งที่อยู่ส่วนหน้าสุดของมันก็ก้มตัวลงต่ำจนได้ระดับใต้รวงพอดี มันม้วนตัวรวบเอารวงคราวละหลาย  รวง ป้อนให้คมเคียวที่ติดอยู่บนเพลายาว… มันหมุนรออยู่แล้ว  

            คมเคียวมันวาว หมุนเป็นเกลียวคลื่นไล่กันมา ราวกับลิ้นของงูที่แลบแผล็บ  รอเหยื่อมิรู้เหน็ดเหนื่อย..…

            เกลียวหมุนม้วนเอาฟ่อนข้าว กลืนเข้าห้องปั่นเพื่อแยกเมล็ดไปเก็บไว้ในถังที่อยู่ช่วงกลางของรถ ส่วนรวงข้าวที่กลายเป็นฟางจะถูกลำเลียงเข้าท่อเพื่อพ่นออกนอกตัวรถ คล้ายควันดำออกจากท่อไอเสียรถยนต์..


           นา 10 ไร่คงใช้เวลาไม่นาน แต่ความสำเร็จในฤดูนี้ ไม่อาจนับเวลาได้เป็นชั่วโมง

          ก่อนหน้านี้ 2 ปี..แม้สิ้นฤดูกาลแล้ว น้ำยังท่วมขัง นาทั้งผืนจมอยู่ใต้บาดาล ความล้มเหลวดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องใหม่

          เพราะเมื่อย้อนหลังไปไม่นาน ผืนนา

ผืนนี้ จมอยู่ใต้ท้องน้ำติดต่อกันยาวนานถึง 8 ปี จนกลายเป็นแหล่งประมงของชาวบ้าน

           แต่ความไม่แน่นอนของธรรมชาติ ก็พลิกผัน ในปีที่แปด น้ำที่หลากล้นเป็นท้องทะเลได้เหือดแห้งไปโดยใช้เวลาไม่ทันข้ามปีใช่แล้ว มันเป็นผลพวงของภัยแล้งที่เข้ามาแทนที่และไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้ว่า มันจะมาเยือนเพียงประเดี๋ยวประด๋าว….

               

            ธรรมชาตินอกจากจะไม่ทำให้เรามั่งคั่งแล้ว ยังได้ฝากความไม่มั่นคงให้แก่เราอีกด้วย….“  แต่ถ้าเชื่อในความพ่ายแพ้ ก็ไม่เรียกว่าชาวนา

           

           เมื่อน้ำลดจึงเป็นโอกาสในการ

ตระเตรียมปัจจัยการผลิตในฤดูกาลใหม่ 

           แต่ปัจจัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ใช่เงินทุน

ที่ทำกิน แรงงาน เครื่องจักร และปุ๋ยยาแต่มันคือ “ความเชื่อมั่น

            หากเราถือเอาความล้มเหลวที่ผ่านมาเป็นความพ่ายแพ้ จะทำให้เกิดแรงต้านทาน (ความสำเร็จอย่างมหาศาล

        

       “ทัศนคติในใจเราคือสิ่งสำคัญ เราจะเริ่มต้นรับมือกับสิ่งต่างๆ ได้ด้วยความราบรื่น หากใจเรามีศรัทธา มีความเชื่อมั่นและมีภาพความสำเร็จเก็บรักษาไว้ในใจตลอดเวลา”

          

           สองสามปีหลังจากนั้น จึงได้เห็นภาพสีทองเหลืองอร่ามเต็มท้องทุ่งกลับคืนมาอีกครั้ง…

           แต่ก็เหมือนกับธรรมชาติเล่นตลก เมื่ออีกสองปีต่อมา น้ำได้กลับมาหลากล้นอีก จนนาล่มไม่ได้อะไรคืนมา..



         จนถึงในฤดูกาลนี้….

          เสียงเครื่องเกี่ยวข้าวขับเคลื่อนจักรกล ดังกระหึ่ม มันแล่นวนไปรอบ  ผืนนา ไม่กี่รอบก็กินพื้นที่ไปเกือบครึ่ง เมล็ดข้าวที่สะสมไว้จนเต็มถัง ได้ถูกลำเลียงมาผ่องถ่ายไว้บนลาน เพียงสองเที่ยวก็หมดข้าวจะเกี่ยว นา 10 ไร่ใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษ  ก็ราบเรียบ….



         “ความยากลำบากเป็นเรื่องของจิตใจ

มันยากลำบากเพราะเราคิดว่า

ยากลำบาก แต่เมื่อใดเราคิดถึงชัยชนะ

 มันจะชนะ..ยังไม่มีใครล้มชาวนาได้..,

          

           






           

           


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Transformative Learning: Reflections on 40 Years of Head, Heart, and Hands at โรงเรียนธารทองพิทยาคม

การถกเถียงเรื่องโรงเรียนขนาดเล็กจบลงที่โรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม (The Small Schools Debate Ends at MFP School)

สิ่งมีชีวิตไม่จำเป็นต้องตาย...