พรุ่งนี้ไม่มีวันตาย (Tomorrow never dies)
กระจกกลับด้าน : เขียน
“โลกนี้คือละคร” ใครนะช่างเปรียบเปรย…!!
ประตูการแสดงโชว์เปิดรออยู่แล้ว เหลือเพียงเวลาที่นัดหมาย…
ด้านนอกสเตเดียม (Stadium) เป็นอุทยานที่จัดสร้างขึ้นเพื่อการพักผ่อน ประกอบด้วยสวนหินโบราณ ต้นไม้ใหญ่น้อยเขียวขจีหลากหลายพันธุ์ ไม้ดอกหลากสีสัน บ่อเลี้ยงปลาขนาดใหญ่หลายบ่อ
ถนนที่จัดทำขึ้นภายใน เลื้อยตัวซอกซอน ลัดเลาะร่มไม้ สุมทุม ไปยังที่ต่างๆ ทั่วบริเวณ
ความกว้างใหญ่ของพื้นที่ถูกขีดขั้นด้วยกรงขังสิงสาราสัตว์ สัตว์ปีก สัตว์สี่เท้านานาชนิด ประกอบด้วย ช้าง ม้า หมี เสือดาว เสือโคร่ง ยีราฟ เป็นต้น สัตว์ทุกชนิดล้วนถูกใช้เป็นสินค้าแลกเปลี่ยนเงินตรา ผ่านคำว่าท่องเที่ยว พักผ่อน หย่อนใจ…
ที่เข้มงวดไปกว่านั้น สัตว์บางชนิดถูกฝึกหัดจนชำนาญแล้วนำมาแสดงโชว์เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คน เช่น จรเข้…..
เวลาเปิดทำการแสดงมาถึงแล้ว คนที่สนใจชมการแสดงของจรเข้ต่างทยอยเดินผ่านประตู เข้าไปนั่งบนอัฒจันทร์ ที่ตั้งอยู่รายล้อมเวทีการแสดง ทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาจนล้นหลาม
ที่แสดงเป็นลานกว้าง ถูกออกแบบให้ริมขอบทั้งสามด้าน เป็นร่องน้ำรูปตัวยูขนานไปตามแนวที่นั่งของอัฒจันทร์ ด้านเหนือตัวยูเป็นห้องสำหรับนักแสดงชายสองคนคนหนึ่งคอยควบคุมเครื่องเสียงและพากย์บทการแสดง ส่วนอีกคนเป็นนักแสดง ร่วมกับจรเข้ 5-6 ตัว ซึ่งนอนแช่น้ำ ทอดตัวเหยียดยาวอยู่ตามมุมต่าง ๆ ของลานกว้าง
จรเข้แต่ละตัวมีขนาดความยาว 2-3 เมตร แม้จะมีผู้คนหนาแน่นล้อมรอบพวกมันแต่ดูเหมือนว่า มันไม่สะทกสะท้าน ตื่นกลัวความอึกทึก แต่อย่างใด
เมื่อเสียงเพลงเปิดการแสดงดังขึ้น ชายนักแสดงคนหนึ่ง เดินออกมาแนะนำตัวแล้วหันไปหยอกล้อกับจรเข้บางตัวที่นอนขวางคลองอยู่ใกล้ๆ…ผู้ชมต่างสงบเงียบลงอย่างมิได้นัดหมาย
ชายนักแสดงคนเดิม เดินไปยกหางจรเข้แล้วลากลำตัวมันขึ้นมาบนบก จากตัวนี้ ไปตัวนั้น จากตัวนั้น ไปตัวโน้น…แต่ละตัวดูจะไม่แสดงอาการขัดขืนใด ๆ
ความสงบของมันช่วยสะกดความตั้งใจของผู้ชมเอาไว้อย่างจดจ่อ มีบางคราวที่ผู้แสดง เคลื่อนตัวไปดึงขาของจรเข้บางตัวออกมา มันได้แสดงอาการขัดขืนด้วยการอ้าปากกว้างจนเห็นฟันเป็นแถว…ผู้ชมก็ตกใจส่งเสียงฮือฮาด้วยความหวาดเสียว
อารมณ์ระทึกของผู้ชมถูกกระตุ้นยกระดับให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อผู้แสดงเดินห่างออกไปจากจรเข้ ตัวที่ถูกจัดไว้ให้นอนในท่าเหยียดยาวและหันหัวรอเผชิญหน้าอยู่อีกด้านหนึ่งของลานแสดง
ผู้แสดงชายคนเดิม เริ่มต้นวิ่งจากขอบลานด้านตรงข้าม เมื่อใกล้จะถึงตัวจรเข้ได้ล้มตัวไถลไปหยุดอยู่ที่ปลายจมูกของมัน เสียงผู้คนฮือฮาหนักแน่นมากขึ้น ตามด้วยเสียงปรบมือเกรียวกราว…พวกเขาคงชื่นชอบที่ความเสียวซ่านแล่นเข้าไปถึงทรวงได้สะใจ….
เขาแสดงเช่นนั้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เขาทำให้จรเข้ตัวเดิม อ้าปากกว้าง และอ้าค้างรอเขาอยู่…
มันยิ่งเพิ่มความน่ากลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเขาวิ่งไถลตัวไปหยุดอยู่ตรงปากของจรเข้ที่อ้าอยู่ โดยไม่ยี่หระกับฟันอันแหลมคมของมัน…การแสดงแบบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเช่นนี้ มันยิ่งได้ใจผู้ชมไปแบบ
เต็ม ๆ ….
ยิ่งไปกว่านั้น อารมณ์ของ
ผู้ชมยังถูกโน้มน้าวและปลุกเร้าด้วยเสียงเพลงและเสียงพากย์ของผู้ร่วมแสดงอีกคนที่อยู่ในห้องควบคุมอย่างไม่ละวาง
เหมือนพวกเขาจะรู้ว่า อารมณ์ของผู้ชมอยู่ในสภาวะสุกงอมแล้ว…
ชายนักแสดงที่อยู่ในห้องควบคุมได้หยุดใช้เสียง ทั่วบริเวณจึงเต็มไปด้วยความเงียบ ชายอีกคนยังคงนั่งอยู่ตรงหัวจรเข้
คราวนี้ เขาไม่ลุกไปวิ่งไถลตัวเช่นเดิม แต่ได้สั่งให้จรเข้อ้าปากค้าง โดยมีเขาเป็นผู้ช่วยง้างอีกแรง ปากจรเข้อ้าเต็มที่ จนมองเห็นเรียวฟันอันแหลมคมของมันอยู่เรียงราย…
ความเงียบถมทับผู้คนเพิ่มขึ้นทั้งอัฒจันทร์ ….
ทันใดนั้น นักแสดงคนดังกล่าวได้ก้มหัวลงไปจนประชิดหัวของจรเข้ เมื่อได้ระดับเดียวกับช่องปากของมัน เขาก็ค่อย ๆ ยื่นศรีษะสอดเข้าไปในโพรงปากของจรเข้ที่อ้ารออยู่….มันเข้าได้พอดิบพอดี…
เสียงคนปรบมือรัวลั่นทั้งอัฒจันทร์…. ความตื่นเต้นเดินทางมาถึงจุดสูงสุด…..!!
“ด้านหนึ่ง มองเห็นความตายเป็นเรื่องน่ากลัว แต่อีกด้านหนึ่ง มองเห็นความตายเป็นเรื่องธรรมดา”
“ปรากฏการณ์สองฝั่งของความตาย คือฝั่งที่เราอยู่ในตอนนี้กับฝั่งที่เราคงอยู่ตลอดไป….”
ชายนักแสดงเลื่อนศรีษะของตนเองออกมาจากปากจรเข้ แล้วยืนขึ้น
โค้งคำนับ แสดงความขอบคุณท่านผู้ชมท่ามกลางเสียงปรบมือดังกระหึ่ม…
การแสดงโชว์ได้จบลงไปแล้ว…ผู้คนต่างทยอยเดินออก เพื่อไปชื่นชมกับความงามของอุทยานต่อไป…
โลกนี้คือละคร ดุจกัน
เมื่อการแสดงสิ้นสุดลง ชีวิตก็กลับไปสู่ความงามนิรันดร์…
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น