ความสำเร็จของคนเกียจคร้าน (Work Smarter Not Longer)
คืนคำ ประเทืองความ
แม้เวลาเพิ่งจะเที่ยง แต่เขากลับพูดว่า
“ผมได้ทำงานทั้งวันแล้ว อย่างยอดเยี่ยม”
หมายความว่า วันทำงานของนักวิทยาศาสตร์ผู้มีหนวดเครารุงรังคนนี้ ได้จบลงแล้ว..
แม้ว่า อาจดูเหมือนเขาจะเฉื่อยชา แต่เขากลับได้ค้นคว้าข้อมูลจำนวนมาก และเขียนหนังสือได้ถึง 19 เล่ม ในงานอาชีพของเขา…
ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin) ทำงานหนักก็จริง แต่เขาทำได้ไม่นาน เขาเริ่มต้นแต่ละวันด้วยอาหารเช้าและเดินเล่น
ประมาณ 8.00 น. เขาจะทำงานหนัก 2-3 ชั่วโมง แล้วพักครึ่งเพื่อตอบจดหมาย 2-3 ฉบับ พอถึงตอนเที่ยงเขาจะเดินเล่นแบบชิว ๆอีกครั้ง จากนั้นก็เพลิดเพลินกับอาหารกลางวันอย่างเอร็ดอร่อย แล้วตอบจดหมายอีก 2-3 ฉบับ ก่อนจะงีบหลับ
ลุกขึ้นได้ก็เดินต่อและอาจทำงานอีกสัก 1 ชั่วโมง ก่อนจะรับประทานอาหารเย็นกับครอบครัว
โดยรวมแล้ว เขาสนุกกับตารางงานที่ผ่อนคลายพอสมควร…
ไม่ใช่เขาคนเดียวที่มีวิถีชีวิตแบบนี้…
เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ (Ernest Hamingway) ทำงาน 6 ชั่วโมงต่อวัน
สตีเฟน คิง (Stephen King) กล่าวว่า อะไรที่เกิน 4 ชั่วโมงนั้นถือว่า “หนักหนา” แล้ว
ประธานาธิบดีธีโอดอร์ รูสเวลต์ (Theodore Roosevelt) สนุกกับการงีบหลับและทำงานอดิเรก พอๆ กับงานหลักของเขา
ในความเป็นจริง บุคคลในประวัติศาสตร์จำนวนมาก มีความสุขกับวันที่อาจถือได้ว่าเป็นวัน “คนเกียจคร้าน” เป็นแบบฉบับที่สวนกระแสคนในสังคมที่หมกมุ่นอยู่กับผลิตภาพ
(Productivity- obsessed society) เช่นทุกวันนี้
แต่ข้อดีคือ ผู้ประสบความสำเร็จสูงเหล่านี้ จะไม่พบกับความสำเร็จ แม้จะใช้เวลาว่างทั้งหมดมาทำงาน แต่พวกเขาประสบความสำเร็จเพราะเวลาว่างทั้งหมด (They were successful because of their time off)
วันทำงานที่สั้นลง ทำให้พวกเขามีสมาธิและมีประสิทธิภาพมากขึ้น (More focused and productive)นักวิจัยชี้ให้เห็นว่า คนที่ทำงานในตำแหน่งที่สร้างสรรค์ จะสามารถผลิตผลงานได้เต็มที่เพียงประมาณ 6 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น
และจริงๆแล้ว ผู้คนสามารถมีประสิทธิผลมากขึ้น เมื่อใช้เวลาทำงานน้อยลง
ขั้นตอนแรกในการทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น โดยใช้เวลาน้อยลงคือ การมุ่งความสนใจไปที่เป้าหมาย พยายามให้ความสนใจกับงานที่ทำอยู่โดยสิ้นเชิง (Task at hand) นั่นคือ ไม่มีการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน
การหยุดพักก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ประสิทธิภาพการทำงานจะเพิ่มขึ้น เมื่อผู้คนใช้เวลาพักผ่อนอย่างน้อย 15 นาที ทุก ๆ 2
- 3 ชั่วโมง แต่สิ่งสำคัญคือ การหยุดพักเพื่อให้จิตใจได้พักผ่อนอย่างแท้จริง นั่นหมายถึง การไม่ถือโอกาสไปหยิบโทรศัพท์ เพื่อดูโซเชี่ยลหรืออ่านข่าวต่างๆ
แต่จงใส่ใจ ไตร่ตรอง เรื่องการหยุดพัก เช่นเดียวกับการทำงานของตนเอง…
ตัวอย่างเช่น ดาร์วิน ชอบเดินเล่นท่ามกลางธรรมชาติ เพื่อพักผ่อนและงีบหลับ
การทดลองชิ้นหนึ่ง พบว่า การรับรู้ของผู้ร่วมวิจัยจะแย่ลงเรื่อยๆ ถ้าใช้เวลาทั้งวันเว้นแต่พวกเขาจะงีบหลับ..
ถ้าดาร์วิน ทำงานสัปดาห์ละ 40, 60 หรือ 80 ชั่วโมง เราอาจไม่ได้เห็น ผลงานที่เกิดจากแรงบันดาลใจมากที่สุดของเขาเลยก็เป็นได้…
บางทีอาจถึงเวลาแล้ว ที่เราทุกคนจะต้องทำใจให้สบาย ๆ (ถอนตัวจากความหมกมุ่น) เพราะเมื่อเราทำงานน้อยลง เราจะทำงานได้ดีที่สุด…..
Thankful for :
Deep English.
How Working Less Could Solve All Our Problem.
Why You Should Work 4 Hours A Day, Access To Science.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น