วุฒิภาวะทางจิตวิญญาณ (1)

 


      ๑.
         หากเรามีชีวิตอยู่ถึง 70 ปี ร่างกายและจิตใจของเราจะผ่านการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ๆ ทุก ๆ 7 ปี เซลล์ในร่างกายจะเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด เป็นวงจรเล็ก ๆ จำนวน 10 ครั้ง โดยจะเป็นวงรอบที่สมบูรณ์ในปีที่ 70  ในทุก ๆ 7 ปีนั้น จะมีการเริ่มต้นของสิ่งใหม่ มีก้าวใหม่เกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นไปตามธรรมชาติ (หากไม่ถูกบิดเบือน) กล่าวคือ....

          ๒.
          ช่วง 7 ปีแรก เป็นช่วงสร้างอัตตาตัวตนอย่างแท้จริง เอาตนเองเป็นศูนย์กลาง ความเป็นเด็กไม่ต้องการอะไรเลย ไม่ต้องการใครอื่น เขารู้สึกสำเร็จบริบูรณ์แล้ว
         หลังจาก 7 ปี เด็กจะเริ่มเคลื่อนไปหาคนอื่น ๆ ไม่เอาตนเองเป็นศูนย์กลาง สนใจเพื่อน ๆ เพศเดียวกัน การตั้งคำถามมากมายได้เริ่มขึ้น..
        
          ๓.
          เมื่ออายุ 14 ปี กลับสนใจเพศตรงข้าม มีการพัฒนาในเรื่องเพศ มีอารมณ์โรแมนติก พวกเขากำลังก้าวสู่โลกที่แท้จริง..

          ๔.
          เมื่ออายุ 21 ปี มีความสนใจเรื่องความมักใหญ่ใฝ่สูง ต้องการเป็นผู้มีความสำเร็จ มีความปรารถนาเกี่ยวกับอนาคต ไม่เฉพาะโลกของธรรมชาติ เขาได้เข้าไปในโลกของมนุษยชาติ โลกของธุรกิจ มุ่งไปสู่เรื่องการเงิน อำนาจ ชื่อเสียงเกียรติยศ ชีวิตอยู่กับการผจญภัยและการแข่งขัน.

           ๕.
           เมื่ออายุ 28 ปี สนใจเรื่องความมั่นคง ความสะดวกสบายมากกว่าการผจญภัย ความมักใหญ่ใฝ่สูงลดลง จะเริ่มลงหลักปักฐาน

           ๖.
           เมื่ออายุ 35 ปี พลังชีวิตจะถึงจุดสูงสุด เมื่อลงหลักปักฐานได้แล้ว จะต่อต้านการเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบ ติดอยู่ในกรอบเดิม ๆ ตอนนี้ชีวิตได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกระแสหลักไปแล้ว..

          ๗.
          เมื่ออายุ 42 ปี ความเสื่อมทางร่างกายและจิตใจเริ่มปรากฏขึ้น ชีวิตเริ่มถดถอยลง พลังงานเริ่มลดน้อยลง กำลังคืบคลานไปสู่ความตาย การศาสนาเริ่มเป็นสิ่งที่มีความหมาย มีแรงปรารถนาเรื่องศาสนาปรากฏอย่างชัดเจน

           ๘.
          เมื่ออายุ 49 ปี ควรเข้าสู่ป่า (วนปรัสถ์) เคลื่อนเข้าหาสิ่งภายใน ให้ความสำคัญกับการศึกษาเรื่องที่อยู่ภายใน  มีการทำสมาธิภาวนามากยิ่งขึ้น..

          ๙.
          เมื่ออายุ 56 ปี คนควรมีวุฒิภาวะมากพอที่จะออกจากข้อผูกมัด ทางสังคมทั้งปวง ควรจะเป็นสันยาสี (Sannyasin) ผู้แสวงหาความสงบ ได้โดยธรรมชาติ หรือการเกษียณ (Sannyas)

          ๑๐.
          เมื่ออายุ 63 ปี คนกลับมาเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง สนใจแต่เรื่องในตัวเองเท่านั้น เปรียบได้กับการทำสมาธิภาวนา เป็นการเคลื่อนเข้าสู่ภายใน เสมือนหนึ่งว่าขณะนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นหายไป เหลืออยู่แต่ตัวเองเท่านั้น เป็นช่วงเวลากลับมาไร้เดียงสา (Innocence) อีกครั้งหนึ่ง
          พลังทั้งหมดจะเคลื่อนเข้าสู่ภายใน ลึกลงไปเรื่อย ๆ ไม่เคลื่อนที่ออกไปไหน อ่านหนังสือน้อยลง พูดจาน้อยลง เงียบลงไปเรื่อย ๆ อยู่กับตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่พึ่งพิงสิ่งรอบข้าง ใช้พลังงานน้อยลง ๆ ทุกที

           ๑๑.
           เมื่ออายุ 70 ปี เก้าเดือนก่อนตาย จะตระหนักรู้ถึงความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา เหมือนกำลังเคลื่อนเข้าสู่ครรภ์มารดาอีกครั้งหนึ่ง (หากแต่เคลื่อนเข้าสู่ภายในตัวเอง)
           เวลานี้ เป็นช่วงเวลาแห่งการเตรียมความพร้อมที่จะตาย ความหมายคือ การตายอย่างเบิกบาน ตายอย่างมีความสุข ตายด้วยความหรรษา เต็มอกเต็มใจ ด้วยความยินดี นี่คือ ความพร้อม
            หากใช้ชีวิตอยู่อย่างถูกต้อง ในแต่ละขณะ ไม่เคยเลื่อนหรือผลัดสิ่งใดไปไว้ในอนาคต เก้าเดือนก่อนการตายจึงเป็นช่วงเวลาของการตระหนัก ตื่นรู้อยู่เสมอ...

          ๑๒.
           ในกระบวนการทางธรรมชาตินี้ อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น ต้องมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันเท่านั้น ช่วงเวลาข้างหน้ามันจะตามมาเอง..
          ความตายเป็นจุดสูงสุดของชีวิต ชีวิตไม่ได้จบสิ้นอวสาน ความจริงแล้ว ชีวิตเพิ่งจะผลิบาน ไม่ต่างอะไรกับดอกไม้ แต่การที่คนเราจะเห็นความงดงามของความตายได้ จะต้องเรียนรู้ที่จะเผขิญหน้ามัน ต้องหันมาเรียนรู้ศิลปะที่ว่านี้...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Transformative Learning: Reflections on 40 Years of Head, Heart, and Hands at โรงเรียนธารทองพิทยาคม

การถกเถียงเรื่องโรงเรียนขนาดเล็กจบลงที่โรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม (The Small Schools Debate Ends at MFP School)

สิ่งมีชีวิตไม่จำเป็นต้องตาย...