การให้ทานและการรักษาศีลขั้นอุกฤษฏ์
สาเหตุ 1.
ความฟุ้งซ่าน
โลภะ โทสะ โมหะ คือต้นเค้าของความฟุ้ง เพราะจิตหลงไปตามกระแสของกิเลสทั้ง 3 ทำให้จิตฟุ้ง ไปต่าง ๆ นา ๆ
ผลลัพธ์
" ภาวะมีกินเหมือนสิ้นไร้" เกิดจากความโลภ ความหลงครอบงำอย่างหนัก
บางคน..แม้ไปถึงซึ่งสุดยอดของความสำเร็จทางโลกแล้ว แต่จิตใจยังเร่าร้อน กระสับกระส่ายเหมือนยังไปไม่ถึงสิ่งที่ต้องการ
ตรงนั้นคือ แรงเฉื่อยชนิดหนึ่งที่เกิดจากพลังโลภ...
แนวทางการให้ทาน
มองชีวิตในมุมใหม่ คือ มุมมองของการ "ให้" (ทรัพยทาน อภัยทาน ธรรมทาน) เพื่อความเบาใจ มุมมองของการ "รักษา" เพื่อความใสสะอาด
ไม่ใช่หวังรางวัลตอบแทนภายนอก แต่มุ่ง "เอาจิต" เพื่อสร้างกระแสสบาย หายฟุ้ง ทำให้นิวรณ์ออกจากจิตให้ได้
มิเช่นนั้น ก็มิอาจสลัดความยึดมั่นถือมั่นออกได้เช่นกัน
สาเหตุ 2
หรือความฟุ้งอาจเกิดจากการละเมิดศีลเป็นอาจิณ
ผลลัพธ์
จะปฏิรูปตัวเองมาเป็นความหลง เป็นโมหะ เป็นความสกปรก บดบังสภาวธรรม
แนวทางการรักษาศีล
มีเจตจำนงที่แน่วแน่ในการรักษาศีล เพื่อชำระล้างความสกปรก ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานเพียงพอต่อการสร้างความคุ้นชินกับการรักษาศีลจนเป็น อัตโนมัติ. (ทดแทนความคุ้นชินกับการละเมิดศีลโดยอัตโนมัติ)
รักษาศีล ไปถึงระดับจิต คือ ไม่คิดเลยดีที่สุด
1. แม้เรื่องอะไรที่ใกล้เคียงกับการ ฆ่า และการทำร้ายสิ่งมีชีวิต
2. การลักขโมยสมบัติที่มีเจ้าของ
3. การผิดลูกผิดเมียเขา
4. การโกหกทั้งที่รู้ว่า ไม่จริง
5. การดิ่มสุรา ของมึนเมาต่าง ๆ
เหล้านี้ กำหนดเลยว่า จะห่างออกมา ความไร้มลทินแม้เพียงความคิด คือ
การรักษาศีลขั้นอุกฤษฏ์
การรักษาศีลไม่ให้ด่างพร้อย แม้ระดับความคิด จิตจะมีกระแสสุข อยอุ่น รู้สึกสะอาด ปลอดภัยไร้กังวล เอ่อล้นยกระดับขึ้นมาเรื่อย ๆ
จนเป็นเครื่องชี้ได้เองว่า อะไรควร ไม่ควร
ณ จุดนี้ จิตกับศีล (กาย) จะอยู่ด้วยกัน
เป็นแรงเสริมในการทำสมาธิ ให้สำเร็จเร็วและตั้งมั่นนาน....
การฝึกจิตให้น้อมไปทางให้ และรักษาความสะอาด " เป็นภาวะใฝ่สงบ"
เมื่อใฝ่สงบ "ย่อมยากจะฟุ้ง"....
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น