วุฒิภาวะ (Full growth)
วุฒิภาวะ : การถอยกลับไปสู่จิตดั้งเดิมที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา (Innocent)
ผืนน้ำที่สะสมอุณหภูมิเพียงพอแล้ว ก็กลายเป็นไอที่กลั่นตัวเป็นปุยเมฆแต้มแต่งท้องฟ้าสวยงาม
เมฆที่เกาะตัวกันเป็นกลุ่มก้อนเพียงพอแล้ว จะควบแน่นเป็นหยดน้ำ ร่วงลงมาเป็นเม็ดฝน ยังความชุ่มเย็นแก่โลกและสรรพสัตว์..
ต้นไม้ที่เจริญเติบโตให้ร่มเงา เพียงพอแล้ว จะผุพังเป็นสารอินทรีย์ เพิ่มความอุดมแก่ผืนดิน
หมากผลใดๆ ความเจริญดำเนินไปเช่นกัน เมื่อสุกงอมเพียงพอย่อมเสื่อมสลาย เพื่อให้โอกาสแก่เมล็ดพันธุ์ได้สืบสานสืบเนื่องบรรพชน...
จึงมิต้องสงสัยเลย...บุรุษนามอุโฆษ (Well-known) อย่าง อัลเบริ์ตไอน์สไตน์ ( Albert Einstein) แม้มีคุณค่าเพียงใดในสายตาผู้อื่น แต่เมื่อเจ็บป่วยกลับไม่ต้องการรักษาเยียวยาตนเอง เพราะรับรู้วุฒิภาวะในตนเองว่า ถึงที่สุดแล้ว (Maturity) เพียงพอแล้ว (Full Growth) กับการยังประโยชน์แก่สังคมโลก จึงยินดีละสังขาร ในวัย 76 ปี
ท่านกล่าวว่า " ฉันต้องการจะไปในเวลาที่ต้องการ มันเป็นเรื่องที่ไร้รสขาติ หากจะยื้อชีวิตไว้ ฉันได้ทำในสิ่งที่ควรแบ่งปันแล้ว ถึงเวลาที่ต้องไป ฉันจะไปอย่างสง่างาม"
ในโลกใบเล็ก ๆ ของคนที่สร้างครอบครัว เมื่อให้การศึกษา ให้อาชีพ ให้ความมั่นคงแก่บุตรได้เพียงพอแล้ว คำกล่าวที่ว่า "นกน้อยทำรังแต่พอตัว" จึงเป็นภาวะการตื่นรู้เฉพาะตน เป็นปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติ..
มนุษย์.. เมื่อรู้ได้เฉพาะตัว จนถึงวุฒิภาวะ (โดยธรรม) ย่อมยินดีกับการเปลี่ยนสถานะเป็นอื่น เพื่อให้คุณค่าแก่โลกและสรรพสัตว์ตามสถานะที่สืบเนื่องไป....
สรรพสิ่งมีชีวิตดำเนินไปตามกฏแห่งกรรม ใช้โลกเป็นเพียงทางผ่าน (Pass Away) เพื่อเดินทางไปสู่สถานะใหม่..
ไม่มีใครและอะไร จะดำรงสถานะหนึ่งใดได้ตลอดไป การเปลี่ยนแปลงใดใด ดังกล่าวนี้ไม่มีอะไรสูญเปล่า....
แม้ทุกสถานะที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียง ความชั่วคราว..แต่ในความชั่วคราวนั้น ทุกสิ่งที่ปรากฏต่างเพื่อการแบ่งปันทั้งสิ้น...
เชิงอรรถ (Foot note) "บันทึกนี้มอบแด่น้องชายนามว่า สุพัฒนา เผือกพันธ์ ผู้เปลี่ยนสถานะเพื่อการแบ่งปันโลก...." สิ่งที่รับรู้อาจเป็นเพียงมายาภาพ (Perception is not reality)
(11 กันยายน 2567 ณ ห้วยกะปิ อ่างศิลา ชลบุรี 11.53 น.)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น