ไม่มีสิ่งใดถูกทิ้งไว้ข้างนอก (Nothing is left outside)
ในใจของเรา มีสุนัขจิ้งจอกอยู่สองตัว ตัวหนึ่งเป็นสุนัขจิ้งจอกแห่งความรัก อีกตัวหนึ่งเป็นสุนัขจิ้งจอกของความเกลียดชัง...
เราจะป้อนอาหารให้กับจิ้งจอกแห่งความรักและจับจิ้งจอกแห่งความเกลียดชังให้อดอาหารได้อย่างไร....
สิ่งที่มีชีวิตจิตใจทั้งมวล ได้พัฒนามาด้วยการเลือกเฟ้นของธรรมชาติ โดยให้ความรู้สึกพึงใจ ทำหน้าที่ชี้นำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกพึงใจที่ได้มาจากการเข้าสังคมและการได้ให้ความรักต่อครอบครัวของเรา (ชาลส์ ดาร์วิน)
ในแต่ละวันมนุษย์สามารถที่จะกระทำการ เกื้อกูลและเสริมสร้างความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น ความมีเมตตาและความกรุณา ในขณะเดียวกัน ก็สามารถยับยั้งและลดละความประสงค์ร้าย การดูถูกเหยียดหยาม และความก้าวร้าวลงได้ด้วย..
ขอบเขตของความรักนั้นกว้างใหญ่ มองเห็นแต่ความเป็น "พวกเรา" แต่ถ้าปรากฏความเกลียดชังขี้นมา ขอบเขตดังกล่าวจะหดลง...เหลือแค่ประเทศ เผ่าพันธุ์ กลุ่มเพื่อน และครอบครัว
ถ้าแคบลงจนสุดโต่งก็จะเหลือเพียงผู้เดียวที่ถูกมองว่าเป็น "เรา" (Rick Hanson & Richard Mendius, 2024)
จิ้งจอกแห่งความเกลียดชัง ทำให้ขอบเขตของความเป็น "เรา" แคบลง ๆ บางครั้งถึงขนาดเหลือแต่ตัวของเราเพียงผู้เดียวที่ถูกข้งอยู่ในนั้น
จริงหรือไม่...สมองจะจัดหมวดหมู่ความเป็น "พวกเรา" และ "พวกเขา" อยู่ตลอดเวลา และหลังจากนั้นก็จะเลือก "พวกเรา" และลดคุณค่าของ "พวกเขา"
เมื่อมีการจัดหมวดหมู่ ให้ใครก็ตามอยู่นอกขอบเขตของความเป็น "พวกเรา" ใจและสมองก็จะลดคุณค่าบุคคลนั้นโดยอัตโนมัติ การทำเช่นนั้นก็จะปลุกความเกลียดชังขึ้นมา
ลองใส่ใจดูว่า ในวัน ๆ หนึ่งมีอยู่กี่ครั้งที่เราจัดหมวดหมู่ ให้ใครสักคนว่า "ไม่เหมือนฉัน" โดยเฉพาะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน...
ในทางกลับกัน จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากเรามุ่งใส่ใจไปในที่สิ่งที่เรา "มีเหมือน" กับคนอื่น ๆ แทน...
โดยธรรมชาติ มนุษย์มีสัญชาติญาณแห่งความเกลียดชังแฝงอยู่ในตัวของตน (ตามวิวัฒนาการ) ความจริงข้อนี้ แทนที่จะมุ่งทำลายความเกลียดชังดังกล่าว (ด้วยการผลักไสออกไปจากใจ) แต่ควรกลับมายอมรับการมีอยู่ ซึ่ง จะช่วยทำให้เรามีความระมัดระวังดีขึ้น เมื่อเราอยู่ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ทำให้ความเกลียดชังเริ่มก่อตัวขึ้นมา...
สุนัขจิ้งจอกแห่งความรักและความเกลียดชังอาศัยอยู่ด้วยกันในหัวใจของทุกๆคน
เราสามารถเฝ้ามอง สุนัขทั้งสองตัวอย่างระมัดระวัง เพื่อจำกัดขอบเขตของความเกลียดชังเอาไว้ ทำการกักขังความรู้สึกที่ไม่พอใจ คับข้องใจ การดูถูกเหยียดหยามและอคติเอาไว้ให้ได้ เพื่อไม่ให้มันมีโอกาสหลุดออกมานอกกรง..
ในเวลาเดียวกันก็หมั่นบำรุงเลี้ยงความรักให้เติบโตยิ่งขึ้นด้วยอุเบกขา เมตตา กรุณาและ มุทิตา อย่างเด็ดเดี่ยว..
...........................................................
Reference:
Rick Hanson & Richard Mendius. (2567). Buddha's Brain. สมองแห่งพุทธะ. [ดร. ณัชร สยามวาลา :ผู้แปล]. พิมพ์ครั้งที่ 16. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์โซเฟีย.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น