ปิดหน้าต่างบ้านก่อนพายุถั่งโถม





        ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา...
        เราต่างมองเห็นสิ่งแวดล้อมรอบตัวก่อนเป็นอันดับแรก (ทั้งที่ใจอาจขุ่นมัว)
        อาจเป็นที่นอนหมอนมุ้ง หนังสือ พัดลม ทีวีและโทรศัพท์ ฯลฯ
        ภาพที่มากระทบ ทำให้เกิดอารมณ์โดยอัตโนมัติ
        บางวันชอบใจ ถูกใจ สุขใจ
        บางวันหงุดหงิด ไม่เบิกบานใจ ทุกข์ใจ
        บางวันกลับเฉย ๆ
        เพียงแค่ภาพผ่านตาเพียงช่องทางเดียวก็เกิดอารมณ์ได้ถึง 3 ระดับแล้ว

       ลองคิดเล่น ๆ ดู ยังมีช่องทางสื่อสารมายังตัวเราได้อีก 5 ช่องทางคือ หู จมูก ลิ้น กายและใจแต่ละช่องทางก็ทำให้เกิดอารมณ์ได้อีก ช่องทางละ 3 ระดับ เช่นเดียวกับตา
       วัน ๆ หนึ่งคน ๆ หนึ่ง อาจเกิดอารมณ์ได้ถึง 18 ระดับ และตลอดวันอาจเกิดซ้ำ ๆ หมุนเวียนเปลี่ยนไปจนกว่าจะสิ้นสุดวัน
        และใช่ว่าจะสิ้นสุดเพียงแค่นี้..ในแต่ละวันเราอาจมีอารมณ์กับสิ่งที่มาล่อให้เกิด เช่นอามิสต่าง ๆ มาล่อผ่านช่องทางทั้ง 6 เช่นกัน ซึ่งทำให้เกิดอารมณ์สุขใจ 6 ระดับ
        อารมณ์อาจเกิดจากการปลอดจากสิ่งล่อ เช่น การบำเพ็ญเนกขัมมะก็มีสุขได้ 6 ระดับ  บวกเพิ่มด้วยอารมณ์ทุกข์ใจและเฉย ๆ จากการมีสิ่งล่อและไม่มีสิ่งล่อ อีกอย่างละ 12 + 12   ทั้งหมดรวมกันเป็น 36 ระดับ

         นี่..เป็นอารมณ์ของวันนี้
         เมื่อวานนี้ ก็เกิดได้เหมือนวันนี้ คือ 36 ระดับ
         และพรุ่งนี้ก็เกิดได้อีก 36 ระดับ
         รวมปัจจุบัน อดีตและอนาคต ทั้งสิ้น 108 อารมณ์ เรียกว่า เวทนา 108

         ในตัวเรา 1 คนมีเวทนาได้ 108 การบริหารอารมณ์ให้อยู่ในสภาวะสมดุล ให้พ้นวันได้ก็แทบแย่..
         ครอบครัวเรามีกี่คนก็เอาไปคูณ 108 จะออกมาเป็นจำนวนอารมณ์ของคนในบ้านทั้งหมด
         อารมณ์ของคนในบ้านนั่นแหละคือ โครงสร้างของครอบครัวที่เรามองไม่เห็น..
          สมดุลของคนในบ้านคือ สมดุลของอารมณ์ของคนแต่ละคน มาแบ่งปันกัน เพื่อให้เกิดสันติสุขในครอบครัว
          ซึ่งใช่ว่า จะเป็นเรื่องง่าย ๆ เพราะแต่ละคนต้องลงทุนทั้งสิ้น บางวันต้องเสียบางอย่าง บางวันจะได้บางอย่าง บางวันลด บางวันเพิ่ม มีการแบ่งปัน การเสียสละ การแลกเปลี่ยนเช่นนี้จะชะลอตัวลงก็ต่อเมื่อ สิ่งเหล่านั้นกลายเป็นปทัสถานในครัวเรือนแล้ว ซึ่งอาจเรียกว่า ความมั่นคง
          การเคลื่อนไหวเชิงโครงสร้างในครอบครัวเช่นนี้ มีแต่คนในครอบครัวเท่านั้น ที่รับรู้ในคุณค่าของการเป็นอยู่ หรือเห็นคุณค่าของกันและกัน....  คนเหล่านี้คือ สามี ภรรยา บุตร ธิดา หลาน เหลน ..ฯ
         คนอื่น ๆ นอกครอบครัวหารู้ไม่ แม้แต่บิดามารดาของสามีหรือภรรยา...
         ครอบครัวจึงเป็นเรื่องของความเป็นส่วนตัวมาก ๆ  ที่ใครอื่น ไม่กล้าเข้าไปเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพราะภายในยึดโยงไปด้วยระบบคุณธรรมหลากหลายมิติ ที่คนภายนอกไม่อาจมองเห็น
ได้.....

         บุคคลที่สาม ที่เข้าไปทำให้โครงสร้างในครอบครัวใด เปลี่ยนไปอาจหมายถึง การเข้าไปทำลายความมั่นคงของครอบครัวนั้น ๆ
         เรื่องแบบนี้มีให้เห็นได้ทุกวัน ในเรื่องชู้สาว มรดก ทรัพย์สิน  ลักขโมย หนี้สิน ต้มตุ๋น หลอกลวง เป็นต้น
         ครอบครัว จึงเป็นสถาบันที่มาก
กว่าความเป็นบ้านเรือน....


         ความสุขของคนในครอบครัวคือ ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ไม่ใช่บ้าน เงิน รถ หรือวัตถุใด ๆ...ที่ใช้บำเรอชีวิต..
         บ้านที่อยู่แล้วมีความสุข อาจเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ แต่ข้างในมีครอบครัวที่อบอุ่น พร้อมหน้าคือ บ้านที่น่าอยู่ที่สุด...

         ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา....
         เราต่างมองเห็นสิ่งแวดล้อมรอบตัวก่อนอันดับแรก สำรวจดูสิ่งดึงดูดใจในแต่ละวัน บุคคลหรือวัตถุอันเป็นที่รักยิ่งของเรา  นั้น ยิ่งถูกใจเท่าไหร่ ยิ่งเหมือนมีแรงดึงดูดจิตใจเราให้ไปจดจ่อ แม้อยู่ห่างไกลก็เป็นเสมือนแม่เหล็กทรงพลังที่ส่งแรงกระทำกับจิต
ของเราตลอดเวลาถามว่า....

          "เรากำลังอยากมากหรืออยากน้อย ?"
          "สมอยากหรือขัดข้อง ?"
          "ระหว่างกำลังอยากกับ หมดอยาก ต่างกันอย่างไร ?"

           ตอบให้ได้ว่าคำถามเหล่านี้เรา....
           สุขมาก สุขน้อยหรือหาความสุขไม่ได้เอาเลย..
           ทุกข์มาก ทุกข์น้อยหรือหาความทุกข์ไม่ได้เอาเลย
           เฉยมาก เฉยน้อย หรือหาความเฉยไม่ได้เอาเลย...

            ล้างใจก่อนล้างหน้า พายุเวทนา 108 กำลังจะมา......
            







หมายเหตุ : เวทนาหมายถึง ความรู้สึก, ความรู้สึกทุกข์สุข 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Transformative Learning: Reflections on 40 Years of Head, Heart, and Hands at โรงเรียนธารทองพิทยาคม

การถกเถียงเรื่องโรงเรียนขนาดเล็กจบลงที่โรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม (The Small Schools Debate Ends at MFP School)

สิ่งมีชีวิตไม่จำเป็นต้องตาย...