ภาวะผู้นำระบบ (System Leadership)



    จะทำอย่างไรดี..
    เมื่อจะขายสินค้าให้กับคนที่ไม่รู้จัก..
    โดยเฉพาะสินค้าของเราเป็น "ไอเดีย"
    ที่จับต้องด้วยมโนธรรมสำนึก..




     ผมไปถึงที่ประชุมก่อนเวลา ประมาณ 20 นาที เพื่อทำความคุ้นเคยกับสถานที่ว่า..
    ที่ประชุมจัดวางตำแหน่งคนฟัง คนนำเสนอและอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างไร..

    เครื่องทำความเย็นแผ่รัศมีไปได้ไม่นาน ผู้รับผิดชอบการจัดการประชุมก็เข้ามาทำหน้าที่เตรียมความพร้อม...
     แม้ทุกคนจะทยอยเข้ามาเป็นส่วนใหญ่แล้ว แต่การประชุมยังไม่ได้เริ่มต้น
     ผมจึงเริ่มปรับแผนการขายให้เปลี่ยนไปจากเดิมจากที่ได้เตรียมไว้แล้ว..เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ 



       แผนที่ต้องปรับมากคือ แผนที่ปรับให้เหมาะกับผู้ฟัง (Audiences) เพราะการรอคอยได้บั่นทอนสมาธิของพวกเขาให้พร่องไปแล้ว.....
       เราคุ้นชินกับคำกล่าวที่ว่า ลูกค้าคือพระเจ้าอยู่แล้ว  ดังนั้นผู้ฟัง จึงมีความสำคัญสูงสุดในการนำเสนอการขาย......

       ธรรมชาติของผู้ฟังมีอยู่หลายประเภท..
       1. เป็นคนหลงใหลความสดใหม่ (Charismatics) 25%
       2. เป็นนักคิดวิเคราะห์ (Thinkers) 11 %
       3. เป็นผู้มีความสงสัยเป็นนิจ (Skeptics) 19 %
       4. เป็นผู้ชอบบงการ (Controllers) 9 % 
       5. เป็นคนเชื่อการตัดสินใจที่ผ่านมา (Followers) 36 %

        ความเป็นก็คือความเชื่อ.......


        เมื่อวาระของผมมาถึง ผมได้ยก สถานการณ์ที่ผู้จัดแจ้งเรื่อง  "การเปลี่ยนแปลงสถานที่ประชุม"  ให้ทุกคนทราบก่อนหน้านี้ขึ้นมา เพื่อกระตุ้นความสนใจ..
        แล้วให้ทุกคนเขียน "คำ หรือ วลี" อะไรก็ได้ที่ผุดขึ้นในหัว คนละ 3 คำ คำตอบไม่มีถูกผิด 

       คำตอบที่ได้มี 3 แบบ 
       1. เป็นนักคิดวิเคราะห์ 33 %
       2. เป็นผู้มีความสงสัย 25 %
       3. เป็นคนเชื่อในการตัดสินใจที่ผ่าน 41%
     
       เมื่อเราเห็น "การเปลี่ยนแปลง" ประสบการณ์ครั้งก่อน ๆ ทำให้เราคาดเดาไปโดยไม่ต้องตั้งคำถาม เป็นไปโดยอัตโนมัติ สมองใช้เวลาภายใน สิบวินาทีสำหรับการตัดสินใจ...ก่อนจะรู้ตัว

      จิตของเราประมาณ 80% ทำงานโดยที่เราไม่ตระหนักรู้ (Eric Kandel, อ้างถึงใน Becca Levy, 2567) 

     ภาพบางอย่างไม่ได้เกิดขึ้นจากประสบการณ์ แต่ซึมซับมาจากสังคมภายนอกโดยไม่ได้ทบทวน..มันเกาะติดแน่น จนเข้าสู่จิตไร้สำนึก เรียกว่า อคติโดยนัย (Implicit bias) ส่งผลต่อความชอบหรือไม่ชอบโดยอัตโนมัติ
     ที่ซับซ้อนกว่านั้นคือ อคติโดยนัยสะท้อนถึงอคติเชิงโครงสร้าง (Structural bias) อีกด้วย...

     อคติเชิงโครงสร้างหมายถึง นโยบายหรือธรรมเนียมปฏิบัติของสถาบันทางสังคม ที่เลือกปฏิบัติต่อพนักงานเหมือนโรงพยาบาลที่เลือกปฏิบัติต่อคนไข้...
      มีให้เห็นในกรณีอื่น ๆ ได้อีก  เช่น เพศ สีผิว ภาษา ถิ่นกำเนิด ระดับการศึกษา ฐานะทางเศรษฐกิจ แม้กระทั่งวัย....ฯลฯ 
     อคติเชิงโครงสร้างมีรากฐานมาจากวัฒนธรรมซึมเข้าสู่ " ความเชื่อ " ของบุคคลและทำงานโดยไม่รู้ตัว

       ทำให้เราเชื่อว่า ความสำเร็จขององค์กรคือสิ่งสูงสุด จึงยึดติดกับระเบียบ นโยบาย คำสั่ง (Rule law and orders) เพราะสิ่งนี้คือ ความมั่นคง ปลอดภัย (Stable and safe)
      ในระบบราชการองค์กรการศึกษาใช้เวลา 68 % อยู่กับการบริหารจัดการงานประจำ (Regular works)...
      
      การยึดติดในความเชื่อแบบเหมารวมที่ผนึกในบุคคล (Self - stereotype) จะปิดกั้นศักยภาพของเราไว้ เสมือนกับดักความสามารถ (Capability trap) ที่เผาผลาญพลังงานจนไฟสิ้นเชื้อ (Burnout) ในที่สุด 

       ผมนำเสนอไอเดีย ที่จะทำให้คนในองค์กร (ที่ส่วนใหญ่เป็นคนในวัยหนุ่มสาว) สามารถหลบภัยจากกับดักที่อาจรัดตรึงมากขึ้น ๆ เรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป.....

      "มันเป็นเรื่องของอนาคต ที่เชื่อว่าใคร ๆ ก็ต้องสนใจเรื่องของอนาคต " 

      แผนที่ผมใช้นำทางคือ เส้นเรื่อง (Storyline) ที่นำเสนอว่าสินค้านั้นคือ อะไร (What is) จะดีกว่าไหม ถ้าเรามีสิ่งนี้ (What could be) สิ่งนี้ให้ประโยชน์กับเราอย่างไร (What is a benefit)....

      การนำเสนอในช่วงนี้ เป็นช่วงเวลาของการใคร่ครวญ (Contemplating) การใคร่ครวญจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง (Transforming)...

      สินค้าของผมคือ บันทึกแนวคิด  (Concept note) เป็นเอกสารแผ่นเดียวของผู้ปฏิบัติงานที่ใช้บันทึกแนวคิดโครงการจัดทำผลงานทางวิชาการ/งานวิจัยทางการศึกษาที่สามารถพัฒนาการทำงานของตนได้อย่างเป็นระบบ....
      เป็นประโยชน์ต่อองค์กร และความก้าวหน้าส่วนบุคคล
      ที่สำคัญมันทำให้ผู้ปฏิบัติงานคลายจากอคติโดยนัย..หันมารับใช้ความฝันอันสดใหม่ที่ตนเองมีปณิธานไว้ ให้มีความเป็นไปได้...

     " Vission with action can change the world. วิสัยทัศน์ที่มาพร้อมการกระทำ จะเปลี่ยนแปลงโลกได้ " - Joel A Barker.
         
      "หากพวกเราเห็นด้วยกับสิ่งนี้ (Concept Note) ผมเชื่อว่า จะเป็นโอกาสใหม่ในการเปลี่ยนแปลงชีวิตงานของพวกเรา"  ผมเชิญชวนผู้ฟัง..

       ความสุข ความสมหวัง (New bliss) เป็นเรื่องของลูกค้า ถ้าเป็นการขายสินค้า นี่เป็นช่วงเวลาของการตัดสินใจซื้อ....
       แต่จะทำอย่างไรดี เมื่อสินค้าของผมคือ ไอเดีย....???

      "คนบางคนก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อยืนแถวหน้า ไม่ต้องการเป็นผู้นำ แต่สำคัญกว่าการเดินอยู่ข้างหน้าคือ การเป็นผู้สนับสนุนที่ช่วยให้ผู้นำเดินได้เร็วขึ้น.." ผมกล่าวทิ้งท้าย เพื่อให้ผู้ฟังเชื่อมต่อไปสู่เรื่องราวทั้งหมดในวันนี้......


      "เอาเป็นว่า...เราเห็นด้วยตามนี้..."   ประธานในที่ประชุมกล่าวสรุป...
       เป็นการกล่าวสรุปตามบทบาทของภาวะผู้นำ (Leadership) ที่สอดคล้องกับแนวโน้มของการปฏิรูปการศึกษาในยุคสมัยนี้.....


          








อ้างอิง:
สิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม. (2567). Presentation Canvas. เปลี่ยนการขายเป็นการเล่ารื่องโดนใจ. พิมพ์ครั้งที่ 3 กรุงเทพฯ : ฮาวทู อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์. 

Becca Levy. (2566). Breaking the Age Code. สูงวัยอย่างสวยงาม. [ผู้แปล : สุนันทา วรรณสินธ์ เมล]. กรุงเทพฯ: บุ๊คสเคป. 

Concept note for 2024/5 Global Education Monitoring Report on leadership and education. 
          
      
          

      
          


        
      
       

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Transformative Learning: Reflections on 40 Years of Head, Heart, and Hands at โรงเรียนธารทองพิทยาคม

การถกเถียงเรื่องโรงเรียนขนาดเล็กจบลงที่โรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม (The Small Schools Debate Ends at MFP School)

สิ่งมีชีวิตไม่จำเป็นต้องตาย...