แนวโน้มใหม่ของการใช้หลักฐานเชิงวิจัย (Evidence-based Practice) จาก MetaX และงานวิจัยสากล เพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการประเมินที่น่าเชื่อถือ

แนวโน้มใหม่ของการใช้หลักฐานเชิงวิจัย (Evidence-based Practice) จาก MetaX และงานวิจัยสากล เพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการประเมินที่น่าเชื่อถือ

                    สุริยา เผือกพันธ์ 

       ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้หันมาให้ความสำคัญกับ Evidence-based Practice (EBP) มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการอ้างอิงจากฐานข้อมูลวิจัยเชิงประจักษ์อย่าง MetaX ที่รวบรวมผลการศึกษาเชิงเมตา (meta-analysis) ทั่วโลก เพื่อสังเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอย่างเป็นระบบ การใช้หลักฐานดังกล่าวช่วยให้การกำหนดนโยบายและแนวทางการพัฒนาการศึกษามีความแม่นยำ โปร่งใส และน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

สาระสำคัญของแนวโน้มใหม่มีดังนี้

1. ใช้ฐานข้อมูลวิจัยระดับโลกในการตัดสินใจ
MetaX และงานวิจัยสากลให้ข้อมูลเปรียบเทียบผลการศึกษาจำนวนมาก ครอบคลุมทั้งปัจจัยด้านการสอน ผู้เรียน ครู ผู้ปกครอง และระบบการบริหาร ทำให้ผู้กำหนดนโยบายสามารถระบุว่า “อะไรมีผลจริง” และ “ขนาดของผลกระทบมากน้อยเพียงใด” (effect size) จึงช่วยลดการใช้นโยบายที่ไม่เกิดผลเชิงประจักษ์


2. เชื่อมโยงการประเมินคุณภาพกับการเรียนรู้ที่แท้จริง
แนวโน้มใหม่ไม่ได้มองการประเมินเพียงเป็นเครื่องมือวัดผลลัพธ์ แต่เป็นการตรวจสอบว่าปัจจัยเชิงกระบวนการ เช่น การใช้ Active Learning, การให้ฟีดแบ็กที่มีคุณภาพ, การสร้างแรงจูงใจในการเรียน ฯลฯ มีผลต่อคุณภาพผู้เรียนจริงหรือไม่ การอ้างอิงจากเมตา-อะนาไลซิสจึงทำให้การประเมินคุณภาพ “จับต้องได้” และมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น


3. การปรับใช้ในบริบทท้องถิ่น
แม้ฐานข้อมูล MetaX จะมาจากหลากหลายประเทศ แต่การนำมาใช้ในไทยจำเป็นต้อง “แปลความ” ให้เข้ากับบริบทของโรงเรียน ชุมชน และทรัพยากรที่มีอยู่ แนวโน้มใหม่จึงมุ่งเน้นการใช้หลักฐานร่วมกับการวิจัยเชิงปฏิบัติการในโรงเรียน เพื่อให้การพัฒนามีความเหมาะสมจริง


4. การประเมินเชิงระบบและการมีส่วนร่วม
การใช้หลักฐานเชิงวิจัยถูกบูรณาการเข้ากับกระบวนการนิเทศ ติดตาม และประเมินผล โดยเน้นให้ครู ผู้บริหาร ผู้ปกครอง และผู้กำหนดนโยบายมีส่วนร่วมตีความข้อมูลเชิงประจักษ์ร่วมกัน ส่งผลให้การประเมินไม่ใช่เพียงการ “ตัดสิน” แต่เป็นการ “พัฒนา” อย่างต่อเนื่อง

สรุป แนวโน้มใหม่ของ Evidence-based Practice ชี้ให้เห็นว่า การใช้ฐานข้อมูลระดับสากล เช่น MetaX ร่วมกับการวิจัยเชิงปฏิบัติการในพื้นที่ จะช่วยยกระดับการประเมินคุณภาพการศึกษาให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และน่าเชื่อถือมากขึ้น ที่สำคัญ การประเมินเช่นนี้ยังทำหน้าที่เป็น “เข็มทิศ” ในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนและคุณภาพของระบบการศึกษาในระยะยาว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Transformative Learning: Reflections on 40 Years of Head, Heart, and Hands at โรงเรียนธารทองพิทยาคม

การถกเถียงเรื่องโรงเรียนขนาดเล็กจบลงที่โรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม (The Small Schools Debate Ends at MFP School)

สิ่งมีชีวิตไม่จำเป็นต้องตาย...