POS vs สัญชาตญาณ : หนูอ่านแล้ว
"หนูอ่านแล้ว หนูชอบมากเลยค่ะ" บาริสต้าคนแรกกล่าวต่อบทความเรื่อง "เมื่อบาริสต้ากลายเป็นนักบำบัด ฯ ..."
"อ่านไม่ยาก..อ่านแล้วอยากติดตามไปเรื่อย ๆ จนจบ ไม่สั้นเกินไป ไม่ยาวเกินไป..." อีกคนว่า..ขณะที่เหลืออีก 2 คนคุยกันเรื่องของ AI
ข้อความข้างบนเป็นการทวนซ้ำ อย่างใคร่ครวญ (Religere) ของผม ที่ผมคิดว่า สามารถอ้างอิงถึงการเติบโตทางความคิดของพวกเขาได้อีกหลายมิติ....
เป็นวันแรกที่ผมได้ยินพวกเขาคุยกันเรื่อง AI อย่างตั้งใจ ทั้งที่ความจริง AI ได้แทรกตัวเข้ามาในวิถีชีวิตงานของพวกเขาอยู่ทุกวัน
ที่หน้าเคาน์เตอร์ พวกเขาใช้เครื่องมือ AI ที่เรียกว่า " POS" (Point of Sale) ที่ทำหน้าที่เป็นจุดรับ-จ่ายเงินและจัดการคำสั่งซื้อ (ปัจจุบันไม่เรียกว่า AI เพราะอะไรที่ทำสำเร็จแล้ว มนุษย์จะหยุดเรียกมันว่า AI ทันที)
บทบาทของมันคือ ความสมบูรณ์แบบเชิงประสิทธิภาพ ที่ AI มุ่งหวัง มันคือ การปฏิบัติ (Practicus) ในรูปแบบของเครื่องจักร มีวินัยในการทำซ้ำ (ไม่เคยลืมราคา, ไม่เคยลืมสต๊อกและมอบความแม่นยำสูงสุดให้)
แต่สิ่งที่ POS ขาดคือ การใคร่ครวญ ถึงความรู้สึก (Religere) และศาสนะ (การสร้างความผูกพันทางจิตวิญญาณ)
POS ไม่รับรู้ว่า อีกไม่กี่วันข้างหน้า จะถึงเทศกาล " คริสต์มาส " แล้ว
บริบทที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ มีแต่
บาริสต้าเท่านั้น ที่พวกเขารับรู้โดย "สัญชาตญาณ"
การตระเตรียมตกแต่งร้านเพื่อต้อนรับเทศกาลคริสต์มาส จึงเป็นการใข้ Practicus ที่ลงมือทำโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากผู้บริหาร โดยใช้สัญญาณที่รู้ว่า "ลูกค้าต้องการความอบอุ่นแบบไหน" "หรือมุมไหนของร้านที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายที่สุด ในช่วงวันหยุด"
เพื่อผลลัพธ์ (ศาสนะ) ในการสร้างจิตวิญญาณ ของร้านกาแฟ ให้เป็นสถานที่ของการอยู่ร่วมกัน (Sense of Belonging) ที่มิอาจวัดได้ด้วยกำไร
การร่วมพลังของพวกเขา "เป็นพลังแห่งสัญชาตญาณร่วม" เกิดจากการรวมตัวกันของเจตจำนง (Will) เพื่อสร้างองค์รวมที่ใหญ่กว่าผลรวมของปัจเจก
ผมเห็นเขาสองคนหารือกัน...
บาริสต้าที่มากประสบการณ์ที่รู้ว่า " ลูกค้าต้องการอะไร" ส่วนอีกคนเรียนรู้โดยสัญขาตญาณจากเพื่อนด้วยการร่วมลงมือทำและการสังเกต
การร่วมทีมไม่ใช่แค่การตกลงกัน แต่เป็นการร่วมมือใคร่ครวญ ตรวจสอบประสบการณ์ที่ผ่านมา แต่ละคนใส่ใจในการสังเกต (ลูกค้าชอบถ่ายรูปมุมไหน ?, แสงสีแบบใด? )
แล้วข้อมูลจากการสังเกตเหล่านั้น จะถูกหลอมรวมโดยไม่ต้องมีการประชุมที่ยาวนาน ทีมรู้ได้ทันทีว่า ควรเน้นป้ายตรงไหน ควรเปิดเพลงอะไร และจะเพิ่มสินค้าพิเศษชนิดใดบ้าง
การตัดสินใจที่เกิดจากสัญชาตญาณร่วมนี้ นำไปสู่การกระทำที่ไม่ธรรมดา (เหนือความคาดหมาย) ซึ่งเป็นการเติบโตทางจิตวิญญาณของทีม นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็น "ความมหัศจรรย์"
แก่นแท้ของความมหัศจรรย์คือ "น้ำใจ" ซึ่งเป็น " เจตจำนงของการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน" ที่แท้จริง
เป็นการให้เหนือการทำธุรกรรม (งานหลักคือ ชงกาแฟ) เป็นการยอมรับความเสี่ยงที่จะทุ่มเทแรงกายแรงใจ เพื่อสร้างความสุขบางอย่างให้กับผู้อื่น ที่ POS AI ทำไม่ได้
มันเป็นผลลัพธ์ทางจิตวิญญาณของเทศกาล (Spirit of the Season) ให้ลูกค้าและทีมรู้สึกผูกพันและเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
ดังนั้น ทีม "บาริสต้า" จึงกลายเป็น "มหาวิทยาลัย" ที่สอนให้เราเข้าถึงคุณค่าของการ"ให้ " และ"ความผูกพัน" ที่เกิดจากสัญชาตญาณร่วม ซึ่งเป็นคุณค่าที่ยั่งยืนที่สุดที่มนุษย์มี....
POS AI สามารถคำนวณได้ว่า อะไรขายดีที่สุด หรือทำหน้าที่รับ-จ่ายเงินและจัดการคำสั่งซื้อ ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด แต่สิ่งที่ขาดหายคือ สัญชาตญาณ
มีแต่มนุษย์เท่านั้น ที่ใช้สัญชาตญาณเปลี่ยนสถานที่ทำงานให้กลายเป็น "บ้านที่มอบความรู้สึก" ให้กับลูกค้าได้จริง.....
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น