คนเค็ม ๆ
"ชอบกินเค็มหรือ ?" คุณหมอถาม
"อะไรที่ได้เหยาะน้ำปลา มันออกจะอร่อยครับ" ผมตอบแบบเลี่ยง ๆ
"เอายาไปทานวันละครึ่งเม็ด หลังอาหารเช้า..สองสัปดาห์มาดูผลอีกครั้ง" คุณหมอสำทับก่อนยื่น Prescription ให้....
ก่อนหน้านั้นสองวัน ผมไปตรวจสุขภาพประจำปี อะไร ๆ ก็ปกติดี นอกจากปริมาณคลอเรสเตอรอลและไขมันเลว เกินเกณฑ์ไปหน่อย
"ให้ไปปรับพฤติกรรมการกินหกเดือนแล้วมาพบหมออีกครั้ง" คุณหมอแนะนำในวันนั้น..
แต่เมื่อกลับถึงบ้าน ตอนหัวค่ำในวันต่อมา ร่างกายกลับสะกิดเตือน (หนึบ ๆ) ว่า มีความดันโลหิตสูงและตกดึกก็มีอาการเวียนศรีษะเพิ่มเข้ามา...
รุ่งเช้าผมจึงกลับไปพบหมออีกครั้ง...
"ความดัน 185 mmHg" ตัวเลขหน้าเครื่องวัดบ่งชี้
"นั่งรออีกสักพักนะค่ะ" คุณหมอหน่วยคัดกรองบอก
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ผมวัดอีกครั้ง "156 mmHg " คุณหมอบันทึกตัวเลข
"รอหมอใหญ่ นะคะ" เธอกล่าว..
แทนที่จะได้ใช้เวลาปรับพฤติกรรมการกินอย่างเดียว กลับได้ยาลดความดันควบด้วย....
ยาลดความดันโลหิตมีกลไกการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกันไป แต่โดยรวมแล้วมีเป้าหมายเพื่อลดแรงดันในหลอดเลือดแดง ซึ่งจะส่งผลต่อการไหลเวียนโลหิตทั่วร่างกาย ดังนี้
ลดปริมาณของเหลวในร่างกาย โดย
ยาขับปัสสาวะ (Diuretics) ช่วยลดปริมาณของเหลวในร่างกายโดยการเพิ่มการขับปัสสาวะ ซึ่งจะลดปริมาณเลือดที่ไหลเวียนในหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตลดลง
ขยายหลอดเลือด โดย
ยาขยายหลอดเลือด (Vasodilators) ช่วยให้หลอดเลือดคลายตัวและขยายตัว ทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกขึ้นและลดแรงดันในหลอดเลือด
ยากลุ่มปิดกั้นแคลเซียม (Calcium Channel Blockers; CCBs) ออกฤทธิ์ลดความดันโลหิต โดยการปิดกั้นไม่ให้แคลเซียมเข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อที่ระบบหัวใจและหลอดเลือด ส่งผลให้กล้ามเนื้อรอบหลอดเลือดคลายตัวและหลอดเลือดขยายตัวในที่สุด
ลดอัตราการเต้นของหัวใจ โดย
ยาเบต้าบล็อกเกอร์ (Beta-blockers) ช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจและแรงบีบตัวของหัวใจ ทำให้ปริมาณเลือดที่สูบฉีดออกจากหัวใจลดลงและลดความดันโลหิต
ยับยั้งฮอร์โมนที่ทำให้หลอดเลือดหดตัว โดย
ยากลุ่ม ACE inhibitors และ ARBs (Angiotensin II Receptor Blockers) ช่วยยับยั้งการทำงานของฮอร์โมนแองจิโอเทนซิน II ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้หลอดเลือดหดตัว ทำให้หลอดเลือดคลายตัวและลดความดันโลหิต
ผลกระทบต่อการไหลเวียนโลหิต
เมื่อความดันโลหิตลดลง การไหลเวียนโลหิตจะดีขึ้น เนื่องจากเลือดสามารถไหลผ่านหลอดเลือดได้ง่ายขึ้น
การไหลเวียนโลหิตที่ดีขึ้นจะช่วยให้หัวใจทำงานน้อยลงและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับความดันโลหิตสูง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง
หลังพบหมอผมลงไปรับยาที่ห้องยา ยาที่คุณหมอให้ไปทานคือ Manidipine hydrochloride จำนวน 10 เม็ด ในฉลากข้างซองระบุว่า "เป็นยาลดความดันโลหิต "
Manidipine hydrochloride เป็นยาในกลุ่มปิดกั้นช่องแคลเซียม (Calcium Channel Blockers) ซึ่งมีสรรพคุณหลักในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง โดยมีกลไกการออกฤทธิ์ดังนี้
ลดความดันโลหิต
Manidipine hydrochloride ทำงานโดยยับยั้งการไหลเข้าของแคลเซียมเข้าสู่เซลล์กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดขยายตัวและลดความดันโลหิต
ผลต่อการทำงานของไต
อีกประการหนึ่ง ยังมีประโยชน์ในด้านผลต่อการทำงานของไตในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง รวมถึงผู้ที่มีการทำงานของไตบกพร่อง (renal impairment) และ/หรือ เบาหวานชนิดที่สองร่วมด้วย
นอกจากนี้ Manidipine hydrochloride ยังเป็นยาปิดกั้นแคลเซียมในกลุ่ม dihydropyridine calcium antagonist รุ่นที่ 3
ตัวยามีคุณสมบัติชอบไขมันสูงจึงจับกับเยื่อหุ้มเซลล์ได้แข็งแรงและค่อย ๆ ถูกปลดปล่อยไปยัง calcium channel ทำให้ยาออกฤทธิ์ได้นาน
ผลการยับยั้ง calcium channel ทั้งชนิดแอลและที (L - and T - type) ส่งผลให้เกิดการคลายตัวของหลอดเลือดส่วนปลายและลดความดันโลหิตได้
การยับยั้งของมานิดิปีน ยังลดการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจและลดอัตราการเต้นของหัวใจ ลดอาการที่จะนำไปสู่การลด reflex tachycardia และทำให้มีการไหลเวียนเลือดในหลอดเลือดโคโรนารีดีขึ้น
การใช้ยามานิดิปีนส่งผลดีต่อการทำงานของไตในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่มีภาวะไตบกพร่องเรื้อรัง นอกจากนี้ยามานิดิปีนยังออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือดฝอยที่ไตทั้งหลอดเลือด efferent และ afferent ซึ่งอาจส่งผลให้ความดันที่อยู่ในหลอดเลือดฝอยโกลเมอรูลัส (Glomerular capillaries) นั้นดีขึ้น แต่มีข้อควรระวังคือ การใช้ยาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และ อาจมีผลข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะ หน้าแดง หรือบวมที่ข้อเท้า...
กลับถึงบ้าน ผมแบ่งยารับประทานครึ่งเม็ดหลังอาหารตามคำแนะนำของคุณหมอโดยดุษฎี ..โดยทิ้งให้ปลาเค็มนอนทอดตัวอยู่ในจานอย่างเดียวดาย.....
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น