การเรียนรู้สัมพันธ์กับสมองและวัฒนธรรม Ep.2
ประเด็นที่ว่า "การเรียนรู้สัมพันธ์กับสมองและวัฒนธรรม" ในหนังสือ "Culturally Responsive Teaching and The Brain" ของ Zaretta Hammond เป็นการขยายความแนวคิดที่ว่าวัฒนธรรมเป็น "ซอฟต์แวร์" ของสมอง โดยอธิบายอย่างเจาะลึกว่าการทำงานของสมองในการเรียนรู้ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมและประสบการณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร
Hammond ชี้ให้เห็นว่าการเรียนรู้ไม่ได้เป็นกระบวนการที่เป็นกลางทางวัฒนธรรม แต่เป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับวิธีที่สมองของเราถูก "ฝึกฝน" และ "กำหนดกรอบ" โดยสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมที่เราเติบโตมา นี่คือรายละเอียดเพิ่มเติม:
1. สมองสร้างความหมายผ่านเลนส์ทางวัฒนธรรม:
* การประมวลผลข้อมูล: เมื่อสมองได้รับข้อมูลใหม่ๆ มันจะพยายามเชื่อมโยงข้อมูลนั้นเข้ากับความรู้เดิมและประสบการณ์ที่เคยมีมา กระบวนการ "สร้างความหมาย" (meaning-making) นี้ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากวัฒนธรรมของเรา วัฒนธรรมบอกเราว่าควรให้ความสำคัญกับอะไร ควรเชื่อมโยงข้อมูลอย่างไร และควรตีความเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยมุมมองแบบไหน
* Schema (โครงสร้างความรู้): สมองจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบของ Schema หรือโครงสร้างความรู้ที่คล้ายกับแฟ้มข้อมูลในสมอง Schema เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นและหล่อหลอมโดยประสบการณ์ทางวัฒนธรรมของเรา ตัวอย่างเช่น นักเรียนที่มาจากวัฒนธรรมที่เน้นการเล่าเรื่องอาจมี Schema ที่แข็งแกร่งสำหรับการจัดเก็บข้อมูลผ่านการเล่าเรื่อง ในขณะที่นักเรียนจากวัฒนธรรมที่เน้นตรรกะอาจมี Schema ที่แข็งแกร่งสำหรับการจัดระเบียบข้อมูลเป็นหมวดหมู่และลำดับขั้น
* การทำงานของหน่วยความจำ: วิธีที่สมองของเราเข้ารหัส (encode) จัดเก็บ (store) และเรียกคืน (retrieve) ข้อมูลก็ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมเช่นกัน บางวัฒนธรรมอาจส่งเสริมการเรียนรู้โดยการท่องจำ ขณะที่บางวัฒนธรรมอาจเน้นการเรียนรู้จากการแก้ปัญหาหรือการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม รูปแบบการเรียนรู้เหล่านี้ส่งผลต่อวิธีที่สมองจัดการกับข้อมูล
2. อิทธิพลของความเครียดและอารมณ์ต่อการเรียนรู้:
* ระบบประสาทลิมบิก (Limbic System): สมองส่วนนี้เกี่ยวข้องกับอารมณ์และความทรงจำ เมื่อนักเรียนรู้สึกเครียด ถูกคุกคาม หรือไม่ปลอดภัย (เช่น รู้สึกว่าวัฒนธรรมของตนเองไม่ได้รับการยอมรับในห้องเรียน) ระบบประสาทลิมบิกจะทำงานมากเกินไป ทำให้สมองส่วนหน้า (prefrontal cortex) ซึ่งรับผิดชอบการคิดเชิงวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการควบคุมอารมณ์ ทำงานได้ไม่เต็มที่
* ความเครียดทางสังคม (Social Threat): Hammond เน้นย้ำว่านักเรียนจากกลุ่มวัฒนธรรมที่ถูกชายขอบมักเผชิญกับความเครียดทางสังคมในห้องเรียน เช่น ความรู้สึกว่าถูกตัดสิน อคติ หรือความรู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่ง สิ่งนี้จะกระตุ้นการตอบสนองแบบ "สู้หรือหนี" (fight or flight) ของสมอง ทำให้การเรียนรู้เป็นไปได้ยาก
* บทบาทของความไว้วางใจ: การสร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจและสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยทางจิตใจ (psychologically safe) ช่วยลดความเครียดนี้ ทำให้สมองของนักเรียนผ่อนคลายและพร้อมสำหรับการเรียนรู้มากขึ้น
3. Neuroplasticity และการพัฒนาความสามารถทางปัญญา (Intellective Capacity):
* Neuroplasticity: สมองมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงและสร้างการเชื่อมโยงเส้นประสาทใหม่ๆ ตลอดชีวิต (neuroplasticity) การเรียนรู้คือกระบวนการของการสร้างและเสริมสร้างการเชื่อมโยงเหล่านี้
* การเชื่อมโยงวัฒนธรรมกับการเรียนรู้: Hammond เสนอว่าครูสามารถใช้ความรู้ทางวัฒนธรรมของนักเรียนเป็น "นั่งร้าน" (scaffold) ในการพัฒนาความสามารถทางปัญญาของพวกเขาได้ เมื่อครูเชื่อมโยงเนื้อหาใหม่เข้ากับความรู้เดิมและรูปแบบการเรียนรู้ที่นักเรียนคุ้นเคยทางวัฒนธรรม สมองจะสามารถสร้างการเชื่อมโยงเส้นประสาทใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
* จาก "Dependent Learner" สู่ "Independent Learner": เป้าหมายของการสอนที่ตอบสนองต่อวัฒนธรรมคือการช่วยให้นักเรียนพัฒนาจาก "ผู้เรียนที่ต้องพึ่งพา" (Dependent Learner) ซึ่งยังไม่สามารถจัดการกับข้อมูลที่ซับซ้อนหรือทำความเข้าใจแนวคิดนามธรรมได้ดี ไปสู่ "ผู้เรียนอิสระ" (Independent Learner) ที่สามารถประมวลผลข้อมูลใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถคิดเชิงวิเคราะห์ได้ด้วยตนเอง กระบวนการนี้เกิดขึ้นผ่านการกระตุ้นและการเสริมสร้างการเชื่อมโยงเส้นประสาทในสมอง
บทบาทของครูในการเชื่อมโยงสมองกับวัฒนธรรม:
ครูที่เข้าใจความสัมพันธ์นี้จะ:
* รับรู้และให้คุณค่าความรู้เดิมทางวัฒนธรรมของนักเรียน: แทนที่จะมองว่าความรู้เดิมของนักเรียนเป็นสิ่งกีดขวาง ครูจะใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความรู้ใหม่
* ออกแบบกิจกรรมที่หลากหลาย: คำนึงถึงรูปแบบการเรียนรู้ที่แตกต่างกันในแต่ละวัฒนธรรม เช่น การใช้การเล่าเรื่อง การอภิปรายกลุ่ม การเคลื่อนไหว หรือการปฏิบัติจริง
* สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและไว้วางใจ: เพื่อลดความเครียดและเปิดโอกาสให้สมองของนักเรียนพร้อมสำหรับการเรียนรู้
* เป็น "Mediator" ของการเรียนรู้: ช่วยให้นักเรียนเชื่อมโยงความรู้เดิมเข้ากับแนวคิดใหม่ๆ และค่อยๆ พัฒนาทักษะการประมวลผลข้อมูลที่ซับซ้อนขึ้น
โดยสรุป การที่ Hammond เน้นว่าการเรียนรู้สัมพันธ์กับสมองและวัฒนธรรม คือการชี้ให้เห็นว่าการสอนที่มีประสิทธิภาพจะต้องพิจารณาถึงวิธีที่สมองของนักเรียนแต่ละคนถูกหล่อหลอมโดยวัฒนธรรม เพื่อสร้างการเรียนรู้ที่เหมาะสมและส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพทางปัญญาของทุกคนได้อย่างแท้จริง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น