ครูในฐานะ Warm Demander Ep.4


            แนวคิด "ครูในฐานะ Warm Demander" เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการสอนที่ตอบสนองต่อวัฒนธรรม (Culturally Responsive Teaching) ตามแนวทางของ Zaretta Hammond และเป็นจุดเชื่อมโยงที่ทรงพลังระหว่างการสร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจกับการกระตุ้นการเรียนรู้ขั้นสูงในสมองของนักเรียน
Hammond ไม่ได้คิดค้นคำนี้ขึ้นมาเอง แต่ดึงแนวคิดนี้มาจากงานวิจัยของ Judith Kleinfeld (1975) และต่อมาก็ถูกพูดถึงโดย Lisa Delpit (1995) ซึ่งอธิบายถึงคุณสมบัติของครูที่มีประสิทธิภาพในการสอนนักเรียนจากวัฒนธรรมที่หลากหลาย
Warm Demander คืออะไร?
"Warm Demander" เป็นครูที่สามารถรักษาสมดุลระหว่าง "ความอบอุ่น (Warmth)" และ "การเรียกร้อง/ความคาดหวังที่สูง (Demandingness)" โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้นักเรียนทุกคน โดยเฉพาะนักเรียนจากกลุ่มที่ถูกชายขอบ ให้สามารถพัฒนาความสามารถทางปัญญาและประสบความสำเร็จทางการเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่
1. ความอบอุ่น (Warmth):
 * สร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจ: นี่คือรากฐานสำคัญของ Warm Demander อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว ครูต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่นักเรียนรู้สึกปลอดภัย ได้รับการยอมรับ และเป็นส่วนหนึ่ง ความอบอุ่นนี้ช่วยลดความเครียดที่อาจขัดขวางการทำงานของสมองในการเรียนรู้
 * แสดงความห่วงใยส่วนตัว: ครู Warm Demander ไม่ใช่แค่เป็นมืออาชีพที่เย็นชา แต่แสดงความสนใจในชีวิตส่วนตัวของนักเรียน ถามไถ่ถึงความเป็นอยู่ ครอบครัว งานอดิเรก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าครูใส่ใจในตัวนักเรียนในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง
 * ใช้ภาษาและท่าทางที่อบอุ่น: รอยยิ้ม การสบตา น้ำเสียงที่อบอุ่น การใช้ถ้อยคำที่ให้กำลังใจ และการแสดงความเข้าใจ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงความอบอุ่น
 * เชื่อมั่นในศักยภาพของนักเรียน: ความอบอุ่นของ Warm Demander มาจากความเชื่อมั่นอย่างแท้จริงว่านักเรียนทุกคนมีความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนา ไม่ว่าจะมาจากภูมิหลังใดก็ตาม
2. การเรียกร้อง/ความคาดหวังที่สูง (Demandingness):
 * ตั้งความคาดหวังสูงอย่างชัดเจน: Warm Demander ไม่ลดมาตรฐานหรือผ่อนปรนความคาดหวังสำหรับนักเรียนคนใดคนหนึ่ง แต่สื่อสารอย่างชัดเจนว่านักเรียนทุกคนสามารถทำได้และคาดหวังให้นักเรียนทำได้ดีที่สุด
 * ผลักดันให้เกิดการคิดขั้นสูง: เป้าหมายไม่ใช่แค่ให้ท่องจำ แต่คือการผลักดันให้นักเรียนใช้สมองในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ แก้ปัญหา และสร้างความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง (productive struggle)
 * ให้การสนับสนุนและนั่งร้าน (Scaffolding) ที่เหมาะสม: แม้จะเรียกร้องสูง แต่ครูก็ให้การสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม ครูจะประเมินว่านักเรียนต้องการความช่วยเหลืออะไรบ้าง และจัดหา "นั่งร้าน" หรือเครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อให้พวกเขาไปถึงเป้าหมายได้ โดยไม่ให้ความช่วยเหลือมากเกินไปจนกลายเป็น "สงสาร" หรือลดทอนศักยภาพของนักเรียน
 * ให้ข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์และตรงไปตรงมา: ครู Warm Demander จะให้ข้อเสนอแนะที่ชัดเจน ตรงประเด็น และมุ่งเน้นไปที่การพัฒนา ไม่ได้ตำหนิ แต่ช่วยให้นักเรียนเข้าใจว่าต้องปรับปรุงอะไรและอย่างไร
 * ส่งเสริมวินัยในตนเอง: ไม่ใช่แค่การจัดการพฤติกรรมในห้องเรียน แต่เป็นการสอนให้นักเรียนมีความรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเอง และเข้าใจว่าความพยายามและวินัยนำไปสู่ความสำเร็จ
ทำไมต้องเป็น Warm Demander? (เชื่อมโยงกับประสาทวิทยา):
 * ปลดล็อกความสามารถทางปัญญา: เมื่อนักเรียนรู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจ (Warmth) สมองส่วน Amygdala จะทำงานน้อยลง ทำให้ Prefrontal Cortex สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการคิดเชิงวิเคราะห์และการประมวลผลข้อมูลที่ซับซ้อน การที่ครูเรียกร้องให้คิดและแก้ปัญหา (Demandingness) ในสภาวะที่สมองพร้อม จะช่วยกระตุ้นการสร้างและเสริมสร้างการเชื่อมโยงเส้นประสาท (neuroplasticity)
 * ลด "ความช่วยเหลือที่ทำให้พิการ" (Help that Harms): Hammond วิจารณ์ครูประเภท "Sentimentalist" (ซึ่งตรงข้ามกับ Warm Demander) ที่อาจจะ "อบอุ่น" แต่ "ไม่เรียกร้อง" โดยการลดมาตรฐานหรือให้ความช่วยเหลือมากเกินไปเพราะความสงสารต่อภูมิหลังที่ยากลำบากของนักเรียน พฤติกรรมนี้แม้จะมาจากเจตนาดี แต่กลับขัดขวางการพัฒนาความสามารถทางปัญญาของนักเรียน ทำให้พวกเขายังคงเป็น "ผู้เรียนที่ต้องพึ่งพา" (Dependent Learner) แทนที่จะเป็น "ผู้เรียนอิสระ" (Independent Learner)
 * สร้างความรับผิดชอบและการมีส่วนร่วม: เมื่อนักเรียนรู้สึกว่าครูเชื่อมั่นในตัวพวกเขาและเห็นคุณค่าในตัวพวกเขามากพอที่จะผลักดันให้ทำสิ่งท้าทาย พวกเขาจะเกิดแรงจูงใจที่จะพยายามอย่างเต็มที่ นี่คือ "การอนุญาต" (Permission) ที่นักเรียนมอบให้ครูในการผลักดันพวกเขาไปสู่ Zone of Proximal Development (ZPD) ของตนเอง
ตัวอย่างของ Warm Demander:
เมื่อนักเรียนแสดงอาการท้อแท้หรือไม่พยายาม:
 * ครูที่ไม่ใช่ Warm Demander (อาจจะเป็น Sentimentalist): "ไม่เป็นไรหรอก ลองอีกครั้งก็ได้ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร" (ด้วยน้ำเสียงปลอบโยน แต่ไม่ได้ให้แนวทางที่ชัดเจนหรือกระตุ้นให้พยายามอย่างเต็มที่)
 * ครูที่เป็น Warm Demander: (อาจจะเข้าไปนั่งข้างๆ นักเรียน ยิ้มให้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแต่ให้กำลังใจ) "ฉันรู้ว่าเธอยังทำได้ดีกว่านี้ และฉันจะอยู่ตรงนี้เพื่อช่วยจนกว่าเธอจะเข้าใจ เราจะทำมันไปด้วยกัน แต่เธอต้องพยายามให้เต็มที่นะ ฉันเชื่อในตัวเธอ"
โดยสรุป การเป็น Warm Demander คือการเป็นครูที่เข้าใจว่าความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งและความคาดหวังที่สูงส่งเสริมซึ่งกันและกัน และเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการช่วยให้นักเรียนทุกคน โดยเฉพาะนักเรียนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม สามารถปลดล็อกศักยภาพทางปัญญาของตนเองและเติบโตเป็นผู้เรียนที่ประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Transformative Learning: Reflections on 40 Years of Head, Heart, and Hands at โรงเรียนธารทองพิทยาคม

การถกเถียงเรื่องโรงเรียนขนาดเล็กจบลงที่โรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม (The Small Schools Debate Ends at MFP School)

สิ่งมีชีวิตไม่จำเป็นต้องตาย...