วัฒนธรรมวิทยาศาสตร์
" อย่าปล่อยให้อายุเป็นตัวขัดขวาง การเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ " (เดงุจิ ฮารุอากิ อ้างอิงใน ทะมทสึ โยชิโมริ, 2565)
ล่าสุด (2568) ผมเป็นคนหนึ่งในผู้สูงวัยที่มีโอกาสได้ไปทำงานร่วมกับคนต่างวัย (มาก) ปัจจุบันผมเกษียณอายุมาราว 13 ปีแล้ว ถ้าถอยเวลากลับไปในช่วงวัยงานของผม เพื่อนร่วมงานส่วนมาก พวกเขายังเป็นนักเรียน
มัธยมศึกษาอยู่เลย บางคนอาจเพียงเดินเตาะแตะอยู่ในโรงเรียนประถมศึกษาเท่านั้น...
มีไม่น้อยที่อาจมองไปถึงช่องว่างระหว่างวัย แต่สำหรับผมแล้ว ผมกลับมองว่า"วัฒนธรรมทางความคิด " กลับสำคัญกว่า เพราะการทำงานร่วมกันของคนต่างวัยไม่ได้ขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนตัว หากแต่ใช้วัฒนธรรมบางอย่างเป็นจุดร่วมในการทำงาน สิ่งนั้นคือ วิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์คือ วัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยความอยากรู้ อยากเห็นเชิงเชาว์ปัญญา อันเป็นลักษณะเด่นข้อใหญ่ของสิ่งมีขีวิตที่เรียกว่า มนุษย์
ทะมทสึ โยชิโมริ (2565) ได้ยกตัวอย่างให้เห็นว่า วิทยาศาสตร์ก็เหมือนกับซากราดา ฟามมีเลีย ในบาร์เซโลนา มหาวิหารแห่งนี้ ทั้งโอ่อ่าทั้งงดงาม แต่ถึงแม้จะผ่านมา 100 ปี และผ่านมือช่างมาแล้วไม่รู้กี่คนก็ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์สักที
วิทยาศาสตร์คือ มหาวิหารที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น วิหารที่มนุษย์ชาติใช้เวลาหลายร้อยปีก่อสร้างขึ้นทีละเล็กทีละน้อยด้วยก้อนอิฐที่ชื่อว่า การค้นพบ และไม่ใช่แค่เฉพาะนักวิทยาศาสตร์เท่านั้นที่มีสิทธิ์ในวิหารใหญ่หลังนี้...
เพราะในเมื่อวิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมก็ย่อมถือเป็นทรัพย์สินส่วนรวมของมนุษยชาติ
วัฒนธรรมวิทยาศาสตร์ไม่เหมือนงานศิลปะหรือกีฬาที่คนทั่วไปเห็นแล้วจะรู้สึกประทับใจแบบทันทีทันใด
ดังนั้น มีแต่ผู้สร้างวัฒนธรรมวิทยาศาสตร์เท่านั้นที่จะ
ร่วมกันถ่ายทอดเนื้อหาและความน่าประทับใจให้คนทั่วไปได้รับรู้...
หากทุกคนคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุและผลตามหลักวิทยาศาสตร์ ในยามที่สังคมต้องเผขิญหน้ากับการปฏิวัติวิทยาการครั้งใหญ่หรือภัยคุกคามจากเหตุการณ์ อย่างเช่น โรคระบาด ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือแม้แต่วิกฤติความไม่รู้
เราก็จะสลัดความหวาดกลัวและความกังวล ขจัดการแบ่งแยก ความโกรธเกลียด ความลำเอียง ความตื่นตระหนก และหลีกเลี่ยงการขัดแย้งกันเองได้เป็นอย่างดี....
อ้างอิง :
ทะมหสึ โยชิโมริ. (2565). ร่างกายดีระดับเซลล์. [ผู้แปล: อนิษา เกมเผ่าพันธ์, 2565]. กรุงเทพฯ: อัมรินทร์เฮลท์ อัมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น