รายงานสรุปผลการประเมินประสิทธิภาพการทำงานของศึกษานิเทศก์ในจังหวัดบุรีรัมย์ช่วงปี 2564-2567

บทคัดย่อ:

รายงานสรุปผลการประเมินประสิทธิภาพการทำงานของศึกษานิเทศก์ในจังหวัดบุรีรัมย์ช่วงปี 2564-2567 โดย วิเคราะห์ความก้าวหน้าในการยกระดับคุณภาพการศึกษา ทั้งในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา มีการเน้นย้ำถึงความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยีและการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อพัฒนาครูและมุ่งเน้นผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน อย่างไรก็ตาม ยังพบข้อจำกัดเช่น ภาระงานเอกสารที่สูง, การติดตามผลเชิงคุณภาพที่ยังไม่แข็งแกร่ง, และความแตกต่างด้านทรัพยากรระหว่างพื้นที่ รายงานนี้ เสนอแนวทางแก้ไข  เช่น การพัฒนาระบบข้อมูลกลาง, การลดภาระงานธุรการ และการเสริมสร้างทักษะการโค้ช เพื่อให้ศึกษานิเทศก์สามารถเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางวิชาการได้อย่างแท้จริง โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของจังหวัดบุรีรัมย์ ให้ยั่งยืนและตอบรับความท้าทายในอนาคต.


การวิเคราะห์ผลการประเมินการพัฒนางานตามข้อตกลงของศึกษานิเทศก์: บทเรียนจากปี 2564–2567

1. บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
    ตลอดช่วงปีงบประมาณ 2564–2567 การประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง (Performance Agreement) ของศึกษานิเทศก์ในจังหวัดบุรีรัมย์ ทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาในหลายมิติ โดยเฉพาะด้านการใช้เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และการพัฒนาวิชาชีพครู อย่างไรก็ตาม ยังคงมีข้อท้าทายด้านภาระงานที่กระจายตัวและการติดตามผลเชิงคุณภาพที่ยังไม่เข้มแข็งพอ การวิเคราะห์นี้จึงมุ่งเน้นเพื่อสรุปจุดเด่น จุดด้อย และนำเสนอแนวทางการปรับปรุง เพื่อให้การประเมินในอนาคตตอบสนองเป้าหมายเชิงคุณภาพได้ดียิ่งขึ้น
2. ประเด็นสำคัญที่ค้นพบ

จุดเด่น
• การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการศึกษา
   ศึกษานิเทศก์ส่วนใหญ่สามารถพัฒนาเครื่องมือออนไลน์ เช่น Google Workspace และแพลตฟอร์ม PLC เพื่อสนับสนุนการนิเทศและพัฒนาครูได้อย่างกว้างขวาง

• การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ
   มีการจัดตั้งชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ระหว่างเขตพื้นที่และระหว่างโรงเรียน ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่เป็นระบบและต่อเนื่อง

• การมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
   แนวทางการประเมินงานของศึกษานิเทศก์จำนวนมากได้สะท้อนถึงการพัฒนากิจกรรมและนวัตกรรมที่เน้นผลลัพธ์ของผู้เรียน ไม่เพียงแต่การพัฒนาครู
จุดด้อย
• ภาระงานเอกสารและงานธุรการสูง
   พบว่างานประเมินยังใช้เวลามากกับการจัดทำรายงานและหลักฐานเอกสาร ทำให้เวลาสำหรับการลงพื้นที่นิเทศลดลง
• การติดตามผลเชิงคุณภาพยังไม่เข้มแข็ง
  แม้มีการรายงานความก้าวหน้า แต่ยังขาดระบบประเมินผลกระทบต่อคุณภาพผู้เรียนในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม
• ความเหลื่อมล้ำระหว่างเขตพื้นที่
  เขตพื้นที่ที่มีทรัพยากรและบุคลากรพร้อมกว่ามักมีผลการประเมินสูง ขณะที่บางเขตยังเผชิญข้อจำกัดด้านงบประมาณและเครื่องมือสนับสนุน

3. ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนา และ Call-to-Action
• พัฒนาระบบฐานข้อมูลกลาง เพื่อลดการทำรายงานซ้ำซ้อน และช่วยให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมการพัฒนางานของศึกษานิเทศก์ทุกเขตได้ทันที

• เสริมทักษะการโค้ชชิ่งและการวิจัยเชิงปฏิบัติการ เพื่อยกระดับบทบาทของศึกษานิเทศก์จากผู้ติดตามงาน เป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านวิชาการ” อย่างแท้จริง

• ลดภาระงานธุรการ โดยมอบหมายงานสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ศึกษานิเทศก์มุ่งเน้นงานเชิงวิชาการและการลงพื้นที่มากขึ้น

• สร้างกลไกติดตามผลลัพธ์ของผู้เรียน ที่สะท้อนถึงคุณภาพจริง เช่น การวัดทักษะการคิดวิเคราะห์และสมรรถนะสำคัญ

Call-to-Action: 
      การประเมินผลในอนาคตควรเป็นทั้ง “เครื่องมือสะท้อนคุณภาพงาน” และ “กลไกพัฒนาศักยภาพบุคลากร” หากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและศึกษานิเทศก์ร่วมมือกันพัฒนาในทิศทางนี้ จะทำให้ระบบการศึกษาของจังหวัดบุรีรัมย์มีคุณภาพยั่งยืนและตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของศตวรรษที่ 21 ได้อย่างแท้จริง





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Transformative Learning: Reflections on 40 Years of Head, Heart, and Hands at โรงเรียนธารทองพิทยาคม

การถกเถียงเรื่องโรงเรียนขนาดเล็กจบลงที่โรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม (The Small Schools Debate Ends at MFP School)

สิ่งมีชีวิตไม่จำเป็นต้องตาย...