Theory of Change


คำว่า Theory of Change (ทฤษฎีแห่งการเปลี่ยนแปลง) เป็นแนวคิดเชิงกลยุทธ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในงานพัฒนา การศึกษา และการนิเทศ โดยเฉพาะเมื่อเราต้องการ “วางแผนการเปลี่ยนแปลง” อย่างมีเป้าหมายและวัดผลได้


🔍 Theory of Change คืออะไร

“ทฤษฎีแห่งการเปลี่ยนแปลง” คือกรอบแนวคิดที่อธิบายว่า  
     “เราจะบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการได้อย่างไร ผ่านชุดของกิจกรรมและเงื่อนไขที่เชื่อมโยงกัน”

โดยทั่วไปประกอบด้วย:
- เป้าหมายระยะยาว (Long-term Impact)  
- ผลลัพธ์ระยะกลางและระยะสั้น (Outcomes)  
- กิจกรรมหรือกลยุทธ์ที่ดำเนินการ (Interventions)  
- สมมติฐานหรือเงื่อนไขที่ต้องมี (Assumptions)

🧠 เกี่ยวข้องกับ “การนิเทศการศึกษา” อย่างไร

1. 🎯 ใช้ในการออกแบบแผนนิเทศ
- Theory of Change ช่วยให้ศึกษานิเทศก์สามารถวางแผนการนิเทศที่มี “เป้าหมายชัดเจน” และ “ลำดับเหตุผล”
- เช่น หากเป้าหมายคือ “ครูสามารถจัดการเรียนรู้เชิงรุกได้” → ต้องมีการอบรม → นิเทศติดตาม → สะท้อนผล → ปรับปรุง

2. 📊 ใช้ในการประเมินผลการนิเทศ
- ช่วยให้สามารถ “วัดผลลัพธ์” ได้อย่างมีระบบ เช่น  
  - ครูเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการสอน  
  - ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ดีขึ้น  
  - โรงเรียนมีนวัตกรรมการเรียนรู้ใหม่

3. 🧩 ใช้ในการสื่อสารผลการนิเทศ
- Theory of Change สามารถนำเสนอเป็น แผนภาพ หรือ อินโฟกราฟิก เพื่อสื่อสารให้ผู้บริหารหรือครูเข้าใจง่าย
- เป็นเครื่องมือที่ดีในการเขียนรายงาน PA หรือจัดทำเอกสารเชิงคุณภาพ

✳️ ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ในบริบทบุรีรัมย์

เป้าหมาย: โรงเรียนขนาดเล็กมีคุณภาพการเรียนรู้ที่ดีขึ้น  
กิจกรรม: นิเทศแบบ Coaching, PLC, ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น  
ผลลัพธ์: ครูมีทักษะการสอนเชิงรุก, ผู้เรียนมีทักษะศตวรรษที่ 21  
สมมติฐาน: ครูมีแรงจูงใจ, ผู้บริหารสนับสนุน, มีสื่อที่เหมาะสม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Transformative Learning: Reflections on 40 Years of Head, Heart, and Hands at โรงเรียนธารทองพิทยาคม

การถกเถียงเรื่องโรงเรียนขนาดเล็กจบลงที่โรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม (The Small Schools Debate Ends at MFP School)

สิ่งมีชีวิตไม่จำเป็นต้องตาย...