สะท้อนผลการสังเกต (Observation Reflection)รายงานการปฏิบัติงานตามข้อตกลง (PA) นางสาวศิริวัฒนาพร พริ้มเพรา
สะท้อนผลการสังเกต (Observation Reflection)รายงานการปฏิบัติงานตามข้อตกลง (PA) นางสาวศิริวัฒนาพร พริ้มเพรา ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์
...........................................................
รายงานการปฏิบัติงานตามข้อตกลง (PA) เป็นแผนที่การทำงาน เป็นเหมือนพิมพ์เขียว (Blue Print) ตลอดทั้งปี ที่มีเป้าหมายชัดเจน เป็นแผนที่ที่จะขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษา สำหรับครู นักเรียนและโรงเรียนในสังกัด จำนวน 66 แห่งว่า จะทำอย่างไรบ้าง เป็นการสะท้อนภาพรวมของการจัดการศึกษาในระดับเขตพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร
ที่เหนือกว่าการสะท้อภาพมาตรฐานตำแหน่ง คือ การเห็นความ
มุ่งมั่นของคนทำงานที่จะพัฒนาตนเองและพัฒนางานในหน้าที่ และที่สำคัญมากคือ การเตรียมตัวที่จะรับมือกับโจทย์ยาก ๆ และประเด็นท้าทายใหม่ ๆ ในวงการศึกษาได้อย่างไร ซึ่งในรายงานนี้จะทำให้เห็นการสะท้อนภาพเป้าหมายระดับชาติ ได้ถูกนำมาสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมด้วย
ส่วนที่ 1.
ภาระงานหลัก 3 ด้าน ตามมาตรฐานตำแหน่ง
1. ด้านการนิเทศการศึกษา ได้ระบุไว้อย่างครอบคลุม ตั้งแต่ต้นน้้ำ คือ การวางแผน การออกแบบ ไปจนถึงปลายน้ำคือ การติดตามประเมินผล
1.1 การออกแบบและการวางแผนการนิเทศ เริ่มจากการศึกษาภาพใหญ่สุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายกระทรวงศึกษาธิการ จุดเน้นของ สพฐ. และสพท. บุรีรัมย์ เพื่อสังเคราะห์เป็นแผน ฯ
1.1.1 สร้างเครื่องมือที่สำคัญคือ ก.ต.ป.น. ขึ้นมา เพื่อให้มั่นใจว่า ทิศทางการนิเทศ ตอบโจทญืภาพรวมจริง ๆ และสามารถวัดผลได้ด้วย
1.1.2 สร้างเครื่องมือ Coaching สำหรับงานแนะแนวโดยเฉพาะ
1.1.3 ส่งเสริมความเป็นเลิศตามหลักการพหุปัญญา ส่งเสริมความถนัดที่หลากหลายของนักเรียน (ไม่ใช่ให้เรียนเก่งอย่างเดียว) ได้นำแนวคิดนี้มาใช้ เพื่อกระตุ้นให้โรงเรียน ครู มองเห็นและส่งเสริมศักยภาพที่แตกต่างกันของนักเรียนแต่ละคน
1.1.4 การเปลี่ยนบทบาทของครูมาเป็น Coaching และเป็นผู้อำนวยการการเรียนรู้ ให้นักเรียนทุกคนได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพ (ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง) ซึ่งเป็นเป้าหมายค่อนข้างสูงและท้าทายมาก
1.2 การคิดค้นนวัตกรรม สื่อและเทคโนโลยี มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ เช่น
- สร้าง SRNIM Model และ SRPIM Model ที่ช่วยส้รางความเข้มแข็งให้ระบบแนะแนว เป็นการสะท้อนความพยายามที่จะสร้างกรอบการทำงานให้เป็นระบบ และเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
- การจัดตั้งศูนย์แนะแนวประจำสหวิทยาเขตทั้ง 9 แห่ง ที่ครอบคลุมโรงเรียนทั้ง 66 แห่ง การสร้างเครือข่ายนี้ ถือเป็นการทำงาน
เชิงรุกที่ชัดเจนมาก เป็นการสร้างระบบกลางเพื่อการสนับสนุนขึ้นมา ทำให้โรงเรียนเข้าถึงทรัพยากร องค์ความรู้ และผู้เชี่ยวชาญได้ง่ายขึ้น เป็นการแก้ปัญหาคุณภาพที่เหลื่อมล้ำระหว่างโรงเรียนได้ทางหนึ่ง
- การพัฒนาเครื่องมือ ก.ต.ป.น. แบบมีส่วนร่วม การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยมากขึ้น โดยสร้าง web site ก.ต.ป.น. web site ศูนย์แนะแนว โดยเฉพาะมี URL ให้ด้วย รวมทั้งกลุ่มไลน์ ในการขับเคลื่อนงานต่าง ๆ เป็นต้น เป็นการลดขัอจำกัดในเรื่อง เวลา ระยะทาง ทำให้การประสานงาน การติดตามผล การเผยแพร่ข้อมูลต่าง ๆ ทำได้รวดเร็วและกว้างขวางยิ่งขึ้น
- การสร้างเอกสาร I am Me ให้ผู้เรียนใช้คิดวิเคราะห์เป้าหมายชีวิต สำรวจตัวเอง เข้าใจความต้องการ ของเป้าหมายความถนัดตนเอง สอดคล้องกับหัวใจของการแนะแนว สมัยใหม่ ที่เน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในการวางแผนอนาคตของตนเอง
- การให้คำปรึกษา พัฒนาและประเมินผลงานทางวิชาการ การประสานงาน การติดตามประเมินผลและการรายงานผล เน้นเรื่อง การมีส่วนร่วม ใช้รูปแบบที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่ไปสั่งการหรือตรวจเยี่ยมอย่างเดียว
- การนิเทศแบบกัลยาณมิตร เป็นเพื่อนร่วมวิชาชีพ มากกว่าการไปจับผิด หรือตัดสิน มีการใช้เทคนิค Coaching หรือการชี้แนะ ใช้รูปแบบอย่างเป็นระบบ เช่น SPDCA และ 5 ร (ร่วมคิด ร่วมปฏิบัติ ร่วมนิเทศติดตาม ร่วมประเมินผล และร่วมปรับปรุงพัฒนา) การใช้รูปแบบนี้ เป็นการทำให้เข้าถึงครูและโรงเรียนที่มีบริบทที่ต่างกันได้ดี สร้างความสัมพันธ์ที่ดี ลดช่องว่าง ครูเปิดใจรับฟัง กล้าลองผิดลองถูก นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนกว่า
- การประสานงานกับเครือข่ายภายนอก เช่น มหาวิทยาลัย สมาคมแนะแนว สำนักงานจัดหาทุน โรงพยาบาล เป็นการดึงทรัพยากร จากภายนอกเข้ามาช่วยเสิมความแข็งแกร่งให้โรงเรียน สร้างโอกาสให้นักเรียนได้มากขึ้น
2. ด้านการสนับสนุนและส่งเสริมการจัดการศึกษา
สนับสนุนโรงเรียนทั้งระบบ (ด้านที่ 1 เน้นการพัฒนาครูและพัฒนาการเรียนการสอน) ส่วนด้านนี้จะเน้นสร้างความเข้มแข็งให้สถานศึกษาโดยรวม ให้เอื้อต่อการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ เช่น การวางแผนการจัดทำโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนจุดเน้นของเขตพื้นที่
2.1 สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก เพื่อระดมทรัพยากร
2.2 การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของสถานศึกษา
2.3 การรวบรวม จัดทำ เผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา การใช้ช่องทางออนไลน์เผยแพร่
สรุป เป็นการดูภาพรวม เพื่อให้ระบบนิเวศการศึกษาทั้งเขตพื้นที่ดีขึ้น
3. ด้านการพัฒนาตนเองและวิชาชีพ
โดยบทบาท ศึกษานิเทศก์คือ ผู้นำการเปลี่ยนแปลง มีความรู้ความสามารถที่ทันสมัย เพื่อให้มั่นใจในการนิเทศ ในรายงาน PA มีการวางแผนเข้ารับการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากต้นสังกัด ศูนย์สุขภาพจิต รวมทั้งการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในยุคนี้ เช่น ดิจิทัลและภาษาอังกฤษ แล้วนำมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานจริง นำไปร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางชุมชนวิชาชีพ PLC ด้วย มีการส่งผลงานเข้าประกวด ได้รับรางวัลทรงคุณค่าของ สพฐ. (OBEC AWARDS) และรางวัลนวัตกรรมการนิเทศ เป็นต้น
ส่วนที่ 2
ประเด็นท้าทาย (Challenging Issue)
ส่วนนี้ เป็นเสมือนการตั้งโจทย์วิจัยหรือโครงการพิเศษประจำปี เป็นการเลือกปัญหาหรือจุดเน้นสำคัญที่พยายามจะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งในกรณีนี้ ได้เลือกมาอย่างสอดคล้องกับนโยบายและความสอดคล้องกับปัญหาในพื้นที่ ดังนี้
1.การปลูกฝังความรักในสถาบันชาติ โดยการน้อมนำพระบรมราโชบายด้านการศึกษา ของรัชกาลที่ 10 มาสู่การปฏิบัติผ่าน การแนะแนวอาชีพ
ที่น่าสนใจคือ การเชื่อมโยงคุณค่าหลักของชาติ มาเชื่อมกับรูปธรรมที่จับต้องได้ อย่างการแนะแนวอาชีพ โดยมีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแกนกลางในการขับเคลื่อน เช่น โครงการหนึ่งนักเรียน หนึ่งอาชีพ การจัดตลาดนัดในโรงเรียน การส่งเสริมให้นักเรียนไปฝึกประสบการณ์ในสถานประกอบการ หรือหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งส่งเสริมการสร้างทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน การพึ่งพาตนเองที่เป็นส่วนหนึ่งของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเป็นคุณค่าหลักของชาติ
การมีเป้าหมายให้นักเรียนรู้จักการวางแผนอนาคตของตนเอง โดยมี Portfolio เป็นการสะท้อนทักษะและประสบการณ์จริง เป็นการบูรณาการปลูกฝังคุณค่าการเตรียมความพร้อมด้านอาชีพ ทำให้การเรียนรู้มีความหมายและเชื่อมโยงกับชีวิตจริงของนักเรียนมากขึ้น
2. เน้นประวัติศาสตร์ ศีลธรรมและหน้าที่พลเมือง การจัดกิจกรรมแนะแนวเชิงรุก Active Learning ด้านประวัติศาสตร์ ศีลธรรม หน้าที่พลเมืองและประชาธิปไตย บูรณาการกิจกรรมแนะแนว โดยนำเนื้อหาเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” มาเป็นสื่อการจัดกิจกรรม Active Learning ที่เชื่อมโยงความรักชาติ ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เข้ากับการค้นหาตัวตนและเป้าหมายชีวิตของนักเรียน ช่วยให้นักเรียนเห็นคุณค่าและความหมายของสิ่งที่เรียน Active Learning ช่วยให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งและจดจำได้นานกว่าเดิม
3. เน้นสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดี (Well-being) ของนักเรียน เป็นพิเศษ การเสริมสร้างความปลอดภัย ส่งเสริมความเข้มแข็งของระบบแนะแนว Coaching เป้าหมายชีวิต และการดูแลสุขภาพกาย-สุขภาพจิต ที่ขับเคลื่อน ด้วย SRPIM Model ดังนี้
S - Standard ตั้งมาตรฐานการปฏิบัติงานให้ชัดเจน โดยอิงตามนโยบายที่เกี่ยวข้องทั้งของกระทรวงฯ และ สพฐ.
R- Raise Awareness คือ การสร้างความตระหนักรู้ ให้ทุกฝ่ายเห็นความสำคัญของระบบแนะแนว การมีเป้าหมายชีวิต รวมถึงการมีสุขภาพกาย-ใจ โดยสร้างการมีส่วนร่วมในส่วนนี้
P – Participation เน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stake Holder) เช่น การขยายเครือข่ายศูนย์แนะแนว สหวิทยาเขต ทั้ง 9 แห่ง ให้ทำงานอย่างจริงจัง โดยครูแกนนำต่าง ๆ
I – Implementation การลงมือทำตามแผนที่วางไว้ โดยใช้วงจรคุณภาพ PDCA เข้ามาช่วย เช่น การประชุมคณะกรรมการ การประเมินโรงเรียนต้นแบบด้านระบบแนะแนว การนิเทศติดตามทั้งแบบออนไลน์และออนไซต์ การอบรมครูให้ใช้ AI มาช่วยงานแนะแนว การเป็นวิทยากรขยายผลความรู้ การสนับสนุนให้โรงเรียนใช้ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน (School Help Hero) Mid Test.obec.go.th เป็นต้น
M – Moral Support ให้ความสำคัญกับขวัญและกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน (เป็นเรื่องสำคัญ) มอบรางวัลเชิดชูเกียรติ
การวัดผลความสำเร็จของประเด็นท้าทาย
มีการกำหนดตัวชี้วัดทั้งปริมาณและคุณภาพ เช่น
ด้านปริมาณ - จำนวนโรงเรียน ครูและนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ
ด้านคุณภาพ – ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับนักเรียน เช่น นักเรียนรู้จักวางแผนตนเองมากขึ้น วางแผนอนาคตได้ มีสุขภาวะที่ดีขึ้น
- ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับครู เช่น ครูมีทักษะแนะแนว การได้ชีวิตที่ดีขึ้น
- ผลลัพธ์ที่เกิดกับโรงเรียน เช่น โรงเรียนมีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่เข้มแข็งขึ้น
สู่เป้าหมายโดยรวมคือ “เรียนดี มีความสุข ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ที่เป็นหัวใจสำคัญของการจัดการศึกษาในปัจจุบัน
สรุป
การจะขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาในระดับเขตพื้นที่ มีรายละเอียด มีโครงสร้าง มีกลไกที่ซับซ้อน แต่ถูกวางแผนไว้อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ การทำงานตามกรอบมาตรฐานตำแหน่ง การพยายามสร้างสรรค์ นวัตกรรม เทคโนโลยี การพุ่งเป้าแก้ปัญหาที่เป็นโจทย์ใหญ่ ที่เป็นประเด็นท้าทายสำคัญ ๆ
มีความโดดเด่น หลายประการ เช่น
1. ความพยายามอย่างชัดเจน ที่จะเชื่อมโยงนโยบายจากส่วนกลาง มาสู่การปฏิบัติจริงในบริบทของโรงเรียนทั้ง 66 แห่ง โดยเน้นการมีส่วนร่วมจากหลายฝ่าย
2. การพัฒนาครูอย่างต่อเนื่อง
3. การให้ความสำคัญกับตัวผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในมิติทางวิชาการ การเตรียมความพร้อมด้านอาชีพและสุขภาวะแบบองค์รวม
ทั้งหมดเป็นภาพที่ครอบคลุมมิติของการพัฒนาคน แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทและความตั้งใจสูงมาก เห็นภาพการทำงานเบื้องหลังที่ต้องอาศัยความคิดอย่างลึกซึ้ง วางแผนการอย่างรอบด้าน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในโรงเรียน
ประเด็นชวนคิดเพื่อการพัฒนา
นโยบายต่อเนื่องหรือเปล่า ?
งบประมาณเพียงพอไหม ?
คนตามการเปลี่ยนแปลงได้ทันหรือไม่ ?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น