พลิกวิกฤตผลสัมฤทธิ์: สพม.บุรีรัมย์ใช้ PDIA/PLC ขับเคลื่อน 66 โรงเรียนสู่คุณภาพ “ยอดเยี่ยม”
พลิกวิกฤตผลสัมฤทธิ์: สพม.บุรีรัมย์ใช้ PDIA/PLC ขับเคลื่อน 66 โรงเรียนสู่คุณภาพ “ยอดเยี่ยม”
สุริยา เผือกพันธ์
1. บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ (สพม.บุรีรัมย์) ภายใต้การกำกับติดตามของคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล และนิเทศการศึกษา (ก.ต.ป.น.) ได้รายงานผลการดำเนินงานภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 พบว่า โรงเรียนในสังกัดทั้ง 66 แห่ง ได้ยกระดับคุณภาพอย่างก้าวกระโดด โดยมีถึง 64 โรงเรียนได้ระดับคุณภาพ “ยอดเยี่ยม” และ 2 โรงเรียนอยู่ในระดับ “ดีเลิศ”
ฉxx
ความสำเร็จนี้เกิดจากการนำ กรอบ C-MIESE Approach (The Commitee for Monitoring, Inspecting, Evaluating, and Supervising Educational Service Area) และกระบวนการ PDIA (Problem-Driven Iterative Adaptation) เชื่อมโยงกับวงจร PDCA และกลไก PLC (Professional Learning Community) มาใช้ในการพัฒนาอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนและคุณภาพการจัดการศึกษามีความก้าวหน้าในทุกด้าน
คะแนนเฉลี่ยรวมทั้งเขตพื้นที่อยู่ที่ 4.866 ระดับยอดเยี่ยม สะท้อนถึงความแข็งแรงของระบบการติดตามและพัฒนาคุณภาพการศึกษา ที่มุ่งเน้นทั้งผลสัมฤทธิ์และความสุขของผู้เรียนควบคู่กัน
2. ประเด็นสำคัญที่ค้นพบ
2.1 ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
คะแนนเฉลี่ยด้านวิชาการ 4.841 ระดับยอดเยี่ยม
จุดแข็ง: การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ได้คะแนนสูงสุด 4.968
จุดที่ต้องพัฒนา: การส่งเสริมการอ่านทุกที่ทุกเวลา ได้คะแนนต่ำสุด 4.589
2.2 ด้านงบประมาณ
คะแนนเฉลี่ย 4.944 ระดับยอดเยี่ยม ทุกตัวชี้วัดอยู่ในระดับสูง สะท้อนถึงระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
2.3 ด้านการบริหารบุคคล
คะแนนเฉลี่ย 4.975 สูงที่สุดในทุกด้าน โดยเฉพาะตัวชี้วัด “อัตรากำลัง ทะเบียนประวัติ และบำเหน็จความชอบ” ได้คะแนนเต็ม 5.00
2.4 ด้านการบริหารทั่วไป
คะแนนเฉลี่ย 4.785 ระดับยอดเยี่ยม จุดที่ควรพัฒนา: การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสนับสนุนการบริหารจัดการ ได้ 4.542
2.5 นโยบายเฉพาะกิจ
“เรียนดี มีความสุข” คะแนนเฉลี่ย 4.587
“สุขาดี มีความสุข” คะแนนเฉลี่ย 4.902
3. บทเรียนสำคัญจากการดำเนินงาน
3.1 ระบบมาตรฐานชัดเจนช่วยสร้างทิศทาง
- การใช้กรอบ C-MIESE และบทบาทของ ก.ต.ป.น. ทำให้การติดตามมีมาตรฐาน วัดผลได้ชัดเจน
3.2 การขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจริง (Data-Driven Development)
- การนำ PDIA และ PDCA มาใช้กับปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แสดงให้เห็นว่า การวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาซ้ำ ๆ อย่างเป็นระบบนำไปสู่การพัฒนาที่จับต้องได้
3.3 พลังของการมีส่วนร่วมและ PLC
- หลัก “5 ร.” (ร่วมคิด ร่วมปฏิบัติ ร่วมนิเทศ ร่วมประเมินผล ร่วมปรับปรุงพัฒนา) และการจัด PLC ทำให้ครูได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เกิดการเปลี่ยนแปลงจากฐานรากของโรงเรียนจริง ๆ
3.4 การพัฒนาคุณภาพแบบองค์รวม
- ไม่เพียงแต่มิติทางวิชาการ แต่ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ความสุข ความปลอดภัย และความเท่าเทียม สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “พื้นที่คุณภาพ สิ่งแวดล้อมดี สร้างคนดี มีความสุข”
4. ข้อเสนอแนะและ Call-to-Action
- ต่อโรงเรียนในสังกัด: ควรเน้นเสริมการอ่านและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้และการบริหารจัดการ ให้สอดคล้องกับบริบทโลกยุคดิจิทัล
- ต่อครูและบุคลากรทางการศึกษา: สร้างวัฒนธรรมการทำงานแบบ PLC อย่างต่อเนื่อง ใช้ข้อมูลจริงในการปรับปรุงการสอน โดยเน้น Active Learning และการประเมินแบบ PISA
- ต่อผู้บริหารเขตพื้นที่: เดินหน้าติดตามคุณภาพด้วยระบบ PDIA และ PDCA อย่างต่อเนื่อง พร้อมสนับสนุนนโยบายที่สร้างสมดุลระหว่าง “คุณภาพทางวิชาการ” และ “คุณภาพชีวิต”
- ต่อสังคมและผู้ปกครอง: มีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาโรงเรียน เช่น การสนับสนุนกิจกรรมอ่านหนังสือ กิจกรรมสร้างสุข และการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์
ข้อสรุป: การติดตามและนิเทศการศึกษาครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการประเมินผล แต่เป็น “เครื่องมือเชิงรุก” ที่ช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง สพม.บุรีรัมย์จึงพร้อมก้าวสู่การเป็น “พื้นที่คุณภาพ” ที่สร้างคนดี มีความสุข และตอบโจทย์ความท้าทายในอนาคต
เอกสารอ้างอิง:
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์. (2568). รายงานผลการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลและนิเทศการศึกษา (ก.ต.ป.น.) ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น