รายงานการพัฒนาคุณภาพการศึกษาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ เปรียบเทียบผลการดำเนินงานระหว่างภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 และภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568

รายงานการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ เปรียบเทียบผลการดำเนินงานระหว่างภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 และภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568


ผู้จัดทำ: คณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล และนิเทศการศึกษา (ก.ต.ป.น.)

 
Executive Summary

รายงานฉบับนี้เป็นการเปรียบเทียบผลการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ ระหว่างภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 และภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 โดยใช้ข้อมูลผลการประเมินตามมาตรฐานการศึกษา 4 ด้าน ผลคะแนนรายสหวิทยาเขต และผลการวิเคราะห์เชิงสถิติ พบว่าค่าเฉลี่ยรวมเพิ่มขึ้นจาก 4.76 เป็น 4.867 แม้ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่มีค่า Effect Size = 0.33 ซึ่งสะท้อนผลเชิงคุณภาพที่เกิดขึ้นจริง สพม.บุรีรัมย์จึงถือว่ามีระบบคุณภาพที่มั่นคงและพัฒนาอย่างต่อเนื่องในเชิงระบบ.

 
บทนำ

การพัฒนาคุณภาพการศึกษาเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารจัดการสถานศึกษาและเขตพื้นที่การศึกษายุคใหม่ ที่มุ่งยกระดับมาตรฐานการเรียนรู้ของผู้เรียนให้สอดคล้องกับเป้าหมายเชิงนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้แนวคิด “โรงเรียนเป็นฐาน คุณภาพผู้เรียนเป็นเป้าหมาย และข้อมูลเป็นหลักฐาน” การดำเนินงานของคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล และนิเทศการศึกษา (ก.ต.ป.น.) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ จึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างระบบคุณภาพการศึกษาแบบมีส่วนร่วม โปร่งใส และตรวจสอบได้

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ เปรียบเทียบผลการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ของ สพม.บุรีรัมย์ ระหว่างภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 และภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 โดยใช้ข้อมูลผลการประเมินตามมาตรฐานการศึกษา 4 ด้าน และผลคะแนนเฉลี่ยรายสหวิทยาเขต รวมถึงการวิเคราะห์เชิงสถิติเพื่อค้นหาความแตกต่างและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา

ผลการวิเคราะห์เชิงสถิติ
      1. ภาพรวมผลคะแนนตามมาตรฐานการศึกษา
          จากข้อมูลผลการประเมินคุณภาพภายในของ สพม.บุรีรัมย์ พบว่า คะแนนเฉลี่ยรวมของทุกด้านในปีการศึกษา 2564 เท่ากับ 4.76 ส่วนปีการศึกษา 2568 เท่ากับ 4.867 แสดงถึงแนวโน้มที่ดีขึ้นโดยเฉลี่ยร้อยละ 2.2 แม้จะอยู่ในระดับ “ยอดเยี่ยม” ทั้งสองปี แต่ปี 2568 แสดงถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในเชิงระบบ เมื่อลงลึกในแต่ละมาตรฐาน พบว่า

• มาตรฐานด้านวิชาการ เพิ่มขึ้นจาก 4.80 → 4.841
• มาตรฐานด้านงบประมาณ เพิ่มขึ้นชัดเจนจาก 4.47 → 4.943
• มาตรฐานด้านบริหารบุคคล เพิ่มขึ้นจาก 4.90 → 4.975
• มาตรฐานด้านบริหารทั่วไป ลดลงเล็กน้อยจาก 4.89 → 4.785

         ข้อมูลสะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งในด้านการบริหารทรัพยากรและบุคลากร แต่ยังมีพื้นที่ปรับปรุงในด้านการบริหารทั่วไป โดยเฉพาะการบริหารจัดการเชิงบูรณาการและความคล่องตัวในการบริการภายในองค์กร

      2. ผลการเปรียบเทียบรายสหวิทยาเขต
          การวิเคราะห์คะแนนเฉลี่ยรายสหวิทยาเขต 9 เขต พบว่า ภาพรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในเกือบทุกพื้นที่ โดยเฉลี่ยรวมปี 2564 เท่ากับ 4.850 และปี 2568 เท่ากับ 4.867 ซึ่งแม้จะมีค่าความต่างเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อพิจารณาในเชิงคุณภาพ พบว่าการพัฒนาอยู่ในระดับเสถียรและมั่นคง เขตที่มีพัฒนาการเด่นชัด ได้แก่

• ลำปลายมาศ (4.81 → 4.901)
• หนองกี่ (4.87 → 4.885)
• เมืองบุรีรัมย์ (4.93 → 4.956)

       แสดงถึงศักยภาพในการบริหารคุณภาพเชิงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่วนเขตที่มีคะแนนลดลงเล็กน้อย เช่น ประโคนชัย และ นางรอง ยังคงอยู่ในระดับยอดเยี่ยม สะท้อนถึงระบบคุณภาพที่มั่นคงในทุกสหวิทยาเขต

      3. ผลการวิเคราะห์ด้านวิชาการเชิงลึก
          จากตัวบ่งชี้มาตรฐานด้านวิชาการ 11 ตัว พบว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเกือบทุกตัว โดยเฉพาะ

• การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพิ่มจาก 4.83 เป็น 4.968
• การบริหารจัดการหลักสูตร เพิ่มจาก 4.77 เป็น 4.892
• การส่งเสริมระบบการแนะแนวและการจัดการเรียนรวม เพิ่มจาก 4.83 เป็น 4.897

      สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของนโยบายการนิเทศเชิงรุก การพัฒนาครูในด้าน Pedagogical Knowledge และการใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้
      อย่างไรก็ตาม ตัวบ่งชี้ “การส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน” ยังมีค่าลดลง (จาก 4.71 → 4.589) ซึ่งควรได้รับความสำคัญในการพัฒนาเชิงพฤติกรรมผู้เรียนในระยะต่อไป

ผลการทดสอบทางสถิติ

การวิเคราะห์เชิงสถิติพบว่า

• ค่าเฉลี่ยรวมปี 2564 = 4.849, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) = 0.067
• ค่าเฉลี่ยรวมปี 2568 = 4.867, SD = 0.042
เมื่อทดสอบสมมติฐานด้วย Paired Sample t-test พบว่า

• ค่า t = -0.987, p = 0.352 (> 0.05)

แปลว่าคะแนนทั้งสองปี ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

         อย่างไรก็ตาม ค่า Effect Size (Cohen’s d) = 0.33 จัดอยู่ในระดับ “ขนาดอิทธิพลเล็กถึงปานกลาง (Small to Medium Effect)” ซึ่งสะท้อนว่าการเปลี่ยนแปลงแม้ไม่เด่นชัดในเชิงตัวเลข แต่เกิดผลจริงในเชิงคุณภาพ (Practical Significance)
         กล่าวคือ สพม.บุรีรัมย์มี “ความคงที่ในระดับสูง (High-Level Stability)” และกำลังขยับจาก “ผลลัพธ์เชิงปริมาณ” ไปสู่ “คุณภาพเชิงลึก” ซึ่งเป็นลักษณะสำคัญของระบบการศึกษาที่พัฒนาอย่างยั่งยืน

การตีความเชิงคุณภาพและการเรียนรู้จากข้อมูล
         การที่ค่าเฉลี่ยคงอยู่ในระดับสูงและ Effect Size มีค่าบวก แสดงถึงการพัฒนาเชิงระบบที่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านการบริหารจัดการงบประมาณและบุคลากร ซึ่งสะท้อนความร่วมมือระหว่างผู้บริหาร ครู และหน่วยงานในสังกัดอย่างมีประสิทธิภาพ
        ในเชิงการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ผลเหล่านี้แสดงให้เห็นถึง “ความรู้ระดับเชื่อมโยง (Connected Knowledge)” ซึ่งหมายถึงความสามารถของเขตพื้นที่ในการเชื่อมโยงข้อมูลจากการประเมิน (Surface Data) เข้ากับการออกแบบนโยบายพัฒนาโรงเรียน (Deep Strategy) และแปลงผลเชิงนโยบายสู่การปฏิบัติจริง (Applied Practice)

ข้อเสนอเชิงระบบของ ก.ต.ป.น. สพม.บุรีรัมย์

• ใช้หลักฐานเชิงวิจัย (Evidence-Based Approach)
        ควรประยุกต์ใช้ฐานข้อมูล Visible Learning MetaX ของ John Hattie ในการวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ของ
ผู้เรียน เช่น Feedback, Teacher Clarity และ Formative Evaluation เพื่อกำหนดนโยบายเชิงกลยุทธ์ที่มีพลังผลกระทบสูง (High Impact Practices)

• เสริมสร้างระบบการนิเทศแบบ Coaching & Mentoring
      การนิเทศภายในควรปรับจากรูปแบบการตรวจสอบ ไปสู่การ “โค้ชครูเพื่อพัฒนา” โดยใช้แนวคิด Lead Collectively: From Belief to Action to Impact (DeWitt & Nelson, 2025) ที่เน้นการทำงานร่วมกันของผู้นำทางการศึกษาในทุกระดับ

• พัฒนา Learning Analytics และระบบข้อมูลสารสนเทศการศึกษา
      เพื่อสะท้อนภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนรายบุคคล เชื่อมโยงข้อมูลผลสัมฤทธิ์กับปัจจัยการสอน และช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลจริง

• ส่งเสริมการอ่านและนวัตกรรมการเรียนรู้เชิงรุก
       เนื่องจากการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านมีแนวโน้มลดลง ควรเน้นการสร้างวัฒนธรรมการอ่านในโรงเรียน ร่วมกับการบูรณาการเทคโนโลยีการเรียนรู้ เช่น Reading Platform และ Bookflix for Students

• สร้างระบบสื่อสารผลการประเมินเชิงโปร่งใส (Transparent Communication)
      โดยจัดทำรายงานผล ก.ต.ป.น. ให้เข้าถึงสาธารณะ ผ่านสื่อออนไลน์ และเชื่อมโยงกับแผนพัฒนาเขตพื้นที่การศึกษาอย่างเป็นระบบ

บทสรุป
       ผลการเปรียบเทียบระหว่างปีการศึกษา 2564 และ 2568 แสดงให้เห็นว่า สพม.บุรีรัมย์มีการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่องในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านงบประมาณและบุคลากร การวิเคราะห์ทางสถิติชี้ให้เห็นว่าแม้ความแตกต่างจะไม่ถึงระดับนัยสำคัญทางสถิติ แต่มี ขนาดอิทธิพลทางการศึกษาที่สะท้อนความเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ อย่างมีนัยสำคัญในทางปฏิบัติ
         กล่าวโดยสรุป สพม.บุรีรัมย์ได้ก้าวจาก “ระบบคุณภาพที่คงที่ในระดับสูง” ไปสู่ “ระบบคุณภาพที่ขับเคลื่อนด้วยหลักฐาน (Evidence-driven System)” ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างระบบการศึกษาที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมุ่งพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต.










เอกสารอ้างอิง
Corwin. (2024). Visible Learning MetaX: Translating Evidence into Action. Retrieved from www.visiblelearningmetax.com

DeWitt, P. M., & Nelson, M. (2025). Lead Collectively: From Belief to Action to Impact. Coewin.org.

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์. (2564). รายงานการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล และนิเทศการศึกษา ภาคเรียนที่ 1/2564 

 ______________________________________________. (2568). รายงานการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล และนิเทศการศึกษา ภาคเรียนที่ 1/2568.





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Transformative Learning: Reflections on 40 Years of Head, Heart, and Hands at โรงเรียนธารทองพิทยาคม

การถกเถียงเรื่องโรงเรียนขนาดเล็กจบลงที่โรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม (The Small Schools Debate Ends at MFP School)

สิ่งมีชีวิตไม่จำเป็นต้องตาย...