ขนาดของผล: ความมีนัยสำคัญทางปฏิบัติในการวิจัย(practical significance)
ขนาดของผล: ความมีนัยสำคัญทางปฏิบัติในการวิจัย” โดย ดร. สุพัฒน์
สุกมลสันต์
สาระสำคัญจากบทความ
แนวคิดเรื่อง “ขนาดของผล (Effect Size)”
บทความอธิบายว่า ขนาดของผลไม่ได้หมายถึงแค่การมีนัยสำคัญทางสถิติ (statistical significance) เท่านั้น แต่เป็นตัวชี้วัดที่บอกว่า การแปรผันหรือการเปลี่ยนแปลงที่พบมี “ขนาด” หรือ “แรง” มากเพียงใดในทางปฏิบัติ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการตีความผลวิจัยให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติจริง
ความต่างระหว่างนัยสำคัญทางสถิติ กับ นัยสำคัญทางปฏิบัติ
- นัยสำคัญทางสถิติ (p-value) บอกว่า ผลต่างที่พบมีโอกาสเกิดขึ้นโดยบังเอิญต่ำเพียงใด
- แต่ นัยสำคัญทางปฏิบัติ (practical significance) ต้องพิจารณาว่า ผลต่างนั้น “มีความหมายในบริบทจริง” หรือมีผลที่จับต้องได้ต่อผู้เรียน ครู โรงเรียน หรือระบบการศึกษา
บทความเตือนว่า การพึ่งพา p-value เพียงอย่างเดียว อาจทำให้เราละเลยความสำคัญของขนาดของผล — ผลที่มี p < 0.05 แต่ effect size เล็กอาจไม่คุ้มค่าในการปรับเปลี่ยน
ปัญหาและข้อควรระวังในการใช้ขนาดของผล
ดร. สุพัฒน์กล่าวถึงปัญหาต่าง ๆ ที่นักวิจัยมักเผชิญ เช่น
- การเลือกมาตรการ (metric) ที่ไม่เหมาะสม ทำให้ effect size บิดเบือน
- ตัวแปรรบกวน (covariates) หรือโครงสร้างข้อมูลที่ซับซ้อนอาจลดความถูกต้องของการประเมิน effect size
- ขนาดตัวอย่าง (sample size) มหาศาลอาจทำให้ผลที่มี effect size เล็กแต่มีนัยสำคัญทางสถิติ — ซึ่งไม่ได้มีนัยสำคัญในทางปฏิบัติ
แนวทางการใช้งานขนาดของผลในงานวิจัยการศึกษา
บทความเสนอให้ใช้ effect size ร่วมกับการตีความบริบท เช่น
- เปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานที่งานวิจัยอื่น ๆ ใช้ (benchmark effect)
- วัดผลต่อหน่วยปฏิบัติจริง (เช่น คะแนนที่เด็กได้เพิ่มขึ้นเป็นกี่เปอร์เซ็นต์)
- นำ effect size มาประกอบกับการวิเคราะห์ต้นทุน-ผลลัพธ์ (cost-effectiveness) เพื่อประเมินความคุ้มค่า
บทบาทของผู้วิจัยและผู้ใช้ผลวิจัย
ผู้วิจัยควรแสดงทั้งค่า p-value และ effect size พร้อมอธิบายว่า effect size ที่พบมีความหมายอย่างไรในบริบทการศึกษา ส่วนผู้ใช้ผล (ผู้บริหาร ครู นโยบาย) ควรเข้าใจแนวคิดนี้เพื่อไม่ถูกชักนำด้วยตัวเลขทางสถิติเพียงอย่างเดียว แต่ดู “ขนาดและความหมายในทางปฏิบัติ” ว่า “เปลี่ยนแปลงได้จริงหรือไม่”
ข้อคิดสำหรับการประยุกต์ใช้ในการศึกษา / นิเทศ / นโยบาย
1. การประเมินคุณภาพการศึกษาไม่ควรพึงพาแค่ค่าเฉลี่ย คะแนน หรือ p-value — แต่ต้องพิจารณา effect size ด้วย
2. เมื่อ effect size ถูกนำมาวิเคราะห์ในบริบทโรงเรียน / เขตพื้นที่ จะช่วยให้ตัดสินใจว่า วิธีกระตุ้นการสอน หรือโครงการใดควรขยายผล
3. นโยบายหรือมาตรการที่มี effect size เล็กแต่มีต้นทุนสูง อาจไม่เหมาะสมให้ขยายผล — ควรเลือก “แนวทางที่ให้ผลกระทบสูง (high-impact)”
4.ในการนิเทศ / ติดตามโรงเรียน ก.ต.ป.น. หรือผู้บริหารควรใช้ข้อมูล effect size ประกอบกับข้อมูลเชิงคุณภาพ (เช่น แบบสำรวจ ความพึงพอใจ ความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรม) เพื่อมองภาพรวมเชิงลึก
เอกสารอ้างอิง:
สุพัฒน์ สุกมลสันต์ (2553).ขนาดของผล: ความมีนัยสำคัญทางปฏิบัติในการวิจัย” วารสารภาษาปริทัศน์ ฉบับที่ 25, 2553
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น