กรอบแนวคิดการวิจัย (Conceptual Framework)
“กรอบแนวคิดการวิจัย (Conceptual Framework)” ที่ผ่านการ สังเคราะห์ประเด็นสำคัญ จากแนวคิดหลักด้าน Evidence-based Supervision, Coaching & Mentoring, Effect Size, และ Learning Analytics
1. แนวคิดพื้นฐานที่ใช้ในการสังเคราะห์
(1) แนวคิดหลัก (Core Concepts)
1. การนิเทศการสอน (Instructional Supervision) มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพครูให้สามารถออกแบบและจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านกระบวนการนิเทศที่ต่อเนื่องและมีปฏิสัมพันธ์
2. การใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ (Evidence-based Practice)
การตัดสินใจและปรับปรุงการสอนโดยใช้ข้อมูลจริง เช่น
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน,
พฤติกรรมการเรียนรู้,
ผลการประเมินก่อน–หลังเรียน
ค่า Effect Size
ผลการวิเคราะห์ Learning Analytics
3. การนิเทศแบบโค้ชและพี่เลี้ยง (Coaching & Mentoring)
ศึกษานิเทศก์มีบทบาทร่วมมือกับครูในการสะท้อนคิด วางแผน ทดลอง และปรับปรุงการสอน โดยใช้ข้อมูลเป็นฐานในการสนทนาและตัดสินใจ
4. Effect Size & Learning Analytics เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ของผู้เรียนและประสิทธิภาพของการสอน เพื่อวัด “ผลกระทบของการพัฒนา” (Impact Measurement)
2. ตัวแปรในการวิจัย
ประเภทของตัวแปร/ รายละเอียด
ตัวแปรต้น (Independent Variable)/ รูปแบบการนิเทศการสอนที่ใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์เป็นฐาน (Evidence-based Target Supervision Model)
ตัวแปรตาม (Dependent Variable)/ คุณภาพการจัดการเรียนรู้ของครู (Learning Quality) — เช่น การออกแบบการสอน, การใช้กลยุทธ์การเรียนรู้, การสะท้อนผล
ตัวแปรแทรกซ้อน / เกื้อหนุน (Intervening / Supporting Variables) /ข้อมูลจาก Effect Size, Learning Analytics, ความร่วมมือของครู–นิเทศก์, และบริบทโรงเรียน
3. องค์ประกอบของรูปแบบ (Model Components)
องค์ประกอบ /รายละเอียด: เครื่องมือที่ใช้
1. Evidence Collection เก็บข้อมูลผลสัมฤทธิ์, พฤติกรรมผู้เรียน, การสังเกตการสอน, แบบสอบถามความพึงพอใจ แบบฟอร์ม NA, Learning Record, Assessment
2. Effect Size & Learning Analytics Analysis วิเคราะห์ผลกระทบของการสอน เพื่อระบุ “เป้าหมายการพัฒนา” โปรแกรมคำนวณ ES / Dashboard
3.Coaching & Mentoring Process ศึกษานิเทศก์ให้คำปรึกษาแก่ครูโดยใช้ข้อมูลเป็นฐาน (Data Dialogue) แบบบันทึก Coaching Plan & Reflection
4. Feedback & Reflection ครูและนิเทศก์สะท้อนผลร่วมกัน ปรับปรุงแผนการสอนตามข้อมูลจริง แบบสะท้อนคิดหลังสอน (Post-Teaching Reflection)
5. Monitoring & Reporting สรุปผลการเปลี่ยนแปลงของคุณภาพครูและผลการเรียนรู้ของผู้เรียน แบบรายงาน Evidence-based Supervision Report
4. กระบวนการดำเนินการวิจัย (Research Process)
1. ระยะที่ 1 – การศึกษาสภาพและความต้องการ (Needs Assessment)
- วิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานของครูและผู้เรียน
- สรุปปัญหาและโอกาสพัฒนา
2. ระยะที่ 2 – การออกแบบรูปแบบ (Design Phase)
- สังเคราะห์แนวคิดและโมเดลจากงานวิจัย
- ออกแบบ “รูปแบบการนิเทศ Evidence-based Target Supervision Model”
3. ระยะที่ 3 – การทดลองใช้ (Implementation Phase)
- ใช้โมเดลกับกลุ่มเป้าหมายครู
- เก็บข้อมูล Effect Size และ Learning Analytics
4. ระยะที่ 4 – การประเมินและปรับปรุง (Evaluation Phase)
- วิเคราะห์ผลลัพธ์ของครูและนักเรียน
- สรุปผลและพัฒนาโมเดลต้นแบบ
5. กรอบแนวคิดการวิจัย (Conceptual Framework Diagram)
ปัจจัยนำเข้า (Input)
└─ ข้อมูลเชิงประจักษ์ (Evidence)
├─ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
├─ พฤติกรรมผู้เรียน
├─ ข้อมูล Effect Size
└─ Learning Analytics
กระบวนการ (Process)
└─ Evidence-based Target Supervision Model
├─ วิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis)
├─ Coaching & Mentoring
├─ Feedback & Reflection
└─ การนิเทศแบบมีส่วนร่วม
ผลลัพธ์ (Output)
├─ ครูมีคุณภาพการสอนดีขึ้น (Teaching Quality)
├─ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น
└─ ระบบนิเทศภายในมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
6. สมมติฐานการวิจัย (Research Hypotheses)
6.1. รูปแบบการนิเทศการสอนที่ใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์เป็นฐาน มีประสิทธิผลในการยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของครู
6.2. การใช้ข้อมูล Effect Size และ Learning Analytics ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการนิเทศและการตัดสินใจทางวิชาการของครู
6.3. ครูที่ได้รับการนิเทศด้วยรูปแบบนี้มีผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
หมายเหตุ :
หัวข้อวิจัยของคุณ ขการพัฒนารูปแบบการนิเทศการสอนที่ใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์เป็นฐาน (Evidence-based Target Supervision Model) เพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของครูในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์” เป็นประเด็นที่สอดคล้องกับแนวทางของการประกันคุณภาพและการพัฒนาวิชาชีพครูในยุคข้อมูล (Data-driven Era) อย่างแท้จริง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น