ถอดรหัสความสำเร็จ สพม.บุรีรัมย์ "ผู้นำร่วม" (Lead Collectively) ผสาน Effect Size พิสูจน์ผลกระทบการศึกษาจริง

ถอดรหัสความสำเร็จ สพม.บุรีรัมย์ "ผู้นำร่วม" (Lead Collectively) ผสาน Effect Size พิสูจน์ผลกระทบการศึกษาจริง


          บทนำ : บทรายงานนี้ มุ่งเน้นที่การพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารการศึกษาของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ (สพม.บุรีรัมย์) ในช่วงปี 2564–2568 โดยใช้หลักการ "การบริหารแบบผู้นำร่วม" (Lead Collectively) ซึ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านจากความเชื่อร่วมของทีมผู้นำไปสู่การปฏิบัติงานร่วมกัน (Joint Work) จนเกิดผลกระทบเชิงบวกต่อ
ผู้เรียน (Impact)
          กลยุทธ์การดำเนินงานที่สำคัญคือการใช้กระบวนการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล และนิเทศการศึกษา (ก.ต.ป.น.) และการใช้หลักการแก้ปัญหาแบบวนซ้ำ (PDIA) ผสานกับการเรียนรู้จากข้อมูลวิจัย (MetaX) เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน.
          รายงานผลการดำเนินงานล่าสุดแสดงให้เห็นว่าโรงเรียนส่วนใหญ่ในสังกัดสามารถยกระดับคุณภาพไปสู่ระดับ “ยอดเยี่ยม” ได้สำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) แต่ยังคงมีจุดที่ต้องพัฒนาในการส่งเสริมการอ่าน.

เป้าหมาย: อธิบายความหมายของประสิทธิภาพการบริหารการศึกษาที่นำไปสู่ความสำเร็จ ตามกรอบความคิดการบริหารแบบผู้นำร่วม (Lead Collectively) 

หลักการบริหาร : เน้นการสร้าง พลังผู้นำร่วม (Collective Leader Efficacy) ซึ่งหมายถึง ความเชื่อร่วมของทีมผู้นำ ว่าพวกเขามีศักยภาพในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงต่อการเรียนรู้และความสำเร็จของนักเรียน

แนวคิดหลัก 3 ขั้น
      1. จากความเชื่อ (Belief) → เริ่มจากการสร้างความเชื่อมั่นร่วมกันของทีมผู้นำ ว่าทุกคนสามารถ “ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง” ได้จริง

      2. สู่การปฏิบัติ (Action) → เปลี่ยนความเชื่อให้เป็นการทำงานร่วมกัน (Joint Work) โดยมีความเข้าใจร่วม (Shared Understanding) ไม่ทำงานแบบแยกส่วน

      3. จนเกิดผลลัพธ์ (Impact) → ใช้หลักฐานและข้อมูลจริง (Evidence of Impact) เพื่อตรวจสอบว่า การลงมือทำได้ผลกระทบเชิงบวกต่อผู้เรียน ครู และโรงเรียนหรือไม่

โครงสร้างสำคัญ
     1. Shared Understanding → ทีมต้องนิยามเป้าหมายและความสำเร็จให้ชัดเจนร่วมกัน เช่น ความหมายของ “นักเรียนเรียนรู้สำเร็จ” ต้องเข้าใจตรงกัน

      2. Joint Work → ลงมือทำเป็นทีม สร้างวัฒนธรรมความร่วมมือ แบ่งปันภารกิจ ไม่ทำงานแบบ “ใครทำใคร”

      3. Evidence of Impact → ใช้ข้อมูลและหลักฐานสะท้อนผล ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่รวมถึงบทสนทนา การสะท้อน และผลที่นักเรียนได้รับจริง

การประยุกต์ใช้กับบริบทโรงเรียน
      1. สร้างความเชื่อร่วมในทีมผู้บริหารและครู ใช้ PLC (Professional Learning Community) หรือวงสนทนาในโรงเรียน เพื่อสร้างความมั่นใจว่า “ทุกคนมีบทบาทในการทำให้นักเรียนสำเร็จ”

       2. กำหนดเป้าหมายร่วม (Shared Goals) เช่น ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, พฤติกรรมเชิงบวก, ความเสมอภาคทางการศึกษาสื่อสารให้เข้าใจตรงกันทั้งโรงเรียน ไม่ใช่แค่ระดับผู้บริหาร

      3. สร้างงานร่วมกัน (Joint Action) ครูทำแผนการสอนแบบร่วมมือกัน (co-teaching, lesson study) ผู้บริหารสนับสนุนโครงสร้าง เช่น เวลาประชุม/แลกเปลี่ยน

      4. ใช้ข้อมูลสะท้อนผล (Evidence of Impact) เก็บข้อมูลจากผลสัมฤทธิ์, พฤติกรรมนักเรียน, แบบสอบถามผู้ปกครอง ใช้ข้อมูลเพื่อ สะท้อนและปรับปรุง ไม่ใช่แค่รายงาน

      5. เน้นความเป็นธรรม (Equity) ใส่ใจนักเรียนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะเด็กด้อยโอกาส และออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสม

ข้อคิดสรุป
      1. การเป็นผู้นำไม่ใช่แค่ “ผู้อำนวยการหรือครูใหญ่” แต่คือ การทำงานร่วมกันของทั้งทีม
          
      2. จากความเชื่อ → สู่การปฏิบัติ → จนเกิดผลลัพธ์ เป็นวงจรที่ต้อง สะท้อนและปรับปรุงต่อเนื่อง

      3. โรงเรียนที่เข้มแข็งคือโรงเรียนที่ ผู้นำทุกระดับ “เชื่อและทำร่วมกัน” เพื่อเด็กทุกคน

การนำหลักการแบบผู้นำร่วม (Lead Collectively ) ลงสู่การปฏิบัติ
        ก.ต.ป.น. เป็นกระบวนการสำคัญยิ่งที่ทำให้การพัฒนาระบบบริหารจัดการสถานศึกษา และกระบวนการจัดการเรียนรู้ให้ขับเคลื่อนพัฒนาไปในทิศทางตามที่ยุทธศาสตร์ชาติ นโยบาย จุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากำหนด
        บนพื้นฐานการมีส่วนร่วม ความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยเฉพาะคณะกรรมการ ก. ต.ป.น. ซึ่งเป็นคณะบุคคลที่มีความสำคัญยิ่งในการที่จะทำให้ระบบการติดตาม ตรวจสอบประเมินผล การจัดการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา มีความเข้มแข็งและมีคุณภาพยิ่งขึ้น พร้อมกับการนิเทศการศึกษาอย่างเป็นกัลยาณมิตร ด้วยการดำเนินการอย่างต่อเนื่องให้เป็นไปตามมาตรฐาน เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล
        
        ประสิทธิภาพและประสิทธิผลหมายถึง การติดตามืตรวจสอบ ประเมินผลและนิเทศการศึกษา ตามนโยบายและจุดเน้น ประกอบด้วย นโยบายกระทรวงศึกษาธิการ "เรียนดี มีความสุข" การขับเคลื่อน "สุขาดี มีความสุข" นโยบาย สพม.บุรีรัมย์ " พื้นที่คุณภาพ สิ่งแวดล้อม สร้างคนดี มีความสุข" และการติดตามมผลการประเมิน ก.ต.ป.น. เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน..

กระบวนการ/ขั้นตอนการดำเนินงาน
      1. รูปแบบแนวทางการดำเนินการ ใช้รูปแบบ The C- MIESE Approach (The Commitee for Monitoring, Inspecting, Evaluating, and Supervising Educational Service Area Approach) โดยใช้ขั้นตอนการทำงานแบบ PDCA (Plan, Do, Check, and Act) 
      2. ใช้หลักการแบบ องค์รวม (Holistic) เป็นระบบ (System) มีเครือข่าย (Network) และมีการบูรณาการ (Integration) ภายใต้การใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด (Technology Wisely) 
     3. ใช้หลักการแก้ปัญหาแบบวนซ้ำ Problem-Driven Iterative Adaptation Drives Successful Reforms (PDIA) มาขับเคลื่อนการปฏิรูปการแก้ปัญหาไปสู่ความสำเร็จ 

      เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมการ ก.ต.ป.น. โดย สพม.บุรีรัมย์ ได้ส่งเสริมให้มีการนำหลักการมีส่วนร่วม (Participation) แบบ 5 ร. (ร่วมคิด ร่วมปฏิบัติ ร่วมติดตามนิเทศ ร่วมประเมินผล และร่วมปรับปรุงและพัฒนา) โดยมีเป้าหมายที่คุณภาพผู้เรียน ได้มาตรฐานการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
        สรุปขั้นตอนของการดำเนินการ ประกอบด้วย S (Standard) P (Plan) D (Do) C (Check) และ A (Act)
     
เครื่องมือ
       เป็นแบบติดตามเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้พื้นที่เป็นฐาน ผ่านกระบวนการชุมชนวิชาชีพ Professional Learning Community (PLC) ทำการรวบรวมข้อมูลปีการศึกษาละ 2 ครั้ง เพื่อนำม่าประมวลผล

สรุปผลการดำเนินงาน
         สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ (สพม.บุรีรัมย์) ภายใต้การกำกับติดตามของคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล และนิเทศการศึกษา (ก.ต.ป.น.) ได้รายงานผลการดำเนินงานภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 พบว่า โรงเรียนในสังกัดทั้ง 66 แห่ง ได้ยกระดับคุณภาพอย่างก้าวกระโดด โดยมีถึง 64 โรงเรียนได้ระดับคุณภาพ “ยอดเยี่ยม” และ 2 โรงเรียนอยู่ในระดับ “ดีเลิศ” คะแนนเฉลี่ยรวมทั้งเขตพื้นที่อยู่ที่ 4.866 ระดับยอดเยี่ยม สะท้อนถึงความแข็งแรงของระบบการติดตามและพัฒนาคุณภาพการศึกษา ที่มุ่งเน้นทั้งผลสัมฤทธิ์และความสุขของผู้เรียนควบคู่กัน
       เมื่อศึกษาประเด็นสำคัญพบว่า ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีคะแนนเฉลี่ยด้านวิชาการ 4.841 ระดับยอดเยี่ยมโดยมีจุดแข็ง ในด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) ได้คะแนนสูงสุด 4.968 ขณะเดียวกันยังมีจุดที่ต้องพัฒนาเป็นพิเศษคือ ด้านการส่งเสริมการอ่านทุกที่ทุกเวลา ได้คะแนนต่ำสุด 4.589 
        นอกจากนี้ เมื่อวิเคราะห์เชืงลึก ถึงขนาดผลกระทบ (Effect Size) พบว่า ด้านวิชาการ  d ≈ 0.43  ผลปานกลาง  น่าพอใจและเหนือค่าอ้างอิงทั่วไป ด้านผลการจัดการเรียนรู้เชิงลึก (Active Learning)  d ≈ 0.59 ใกล้ระดับสูง  เป็นสัญญาณว่า Active Learning ให้ผลชัดเจนและคุ้มค่าที่จะขยายผล ส่วนการส่งเสริมการอ่าน  d ≈ 0.11 ให้ ผลเล็กมาก หมายความว่าคะแนนสูงแต่ความแตกต่างจาก baseline เพียงเล็กน้อย 
        สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์จึงได้เห็นความสำคัญของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยอิงฐานข้อมูลการวิจัยที่แข็งแกร่งจาก MetaX เป็นแนวทางกลยุทธ์มาประยุกต์ใช้กับความท้าทายในโลกแห่งความเป็นจริง โดยผสานแนวคิด MetaX และหลักฐานเชิงวิจัย ลงไปในแต่ละส่วนของการติดตามตรวจสอบประเมินผลและนิเทศการศึกษา เพื่อเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า เขตพื้นที่การศึกษาสามารถนำข้อมูลเชิงลึกไปใช้เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายในบริบทเฉพาะของเขตพื้นที่ได้....




        





เอกสารอ้างอิง :
เคน นครินทร์. (2023). ผู้นำล่องหน.17 January 2024. https://thesrandard.co/podcast.
                       
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์. (2564). รายงานผลการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลและนิเทศการศึกษา (ก.ต.ป.น.) ปีการศึกษา 2564
_________________. (2567). รายงานผลการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผลและนิเทศการศึกษา (ก.ต.ป.น.) ปีการศึกษา 2567 

สุริยา เผือกพันธ์.(2568). แนวโน้มใหม่ของการใช้หลักฐานเชิงวิจัย (Evidence-based Practice) จาก MetaX และงานวิจัยสากล เพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการประเมินที่น่าเชื่อถือ. https://suriyapunt.blogspot.com 2025/09 

______________ . (2568). รายงานเชิงวิเคราะห์ผลการพัฒนาคุณภาพการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ ปีการศึกษา 2564 และ 2567. https://suriyapunt.blogspot.com 2025/09
_______________. (2568). พลิกวิกฤตผลสัมฤทธิ์: สพม.บุรีรัมย์ใช้ PDIA/PLC ขับเคลื่อน 66 โรงเรียนสู่คุณภาพยอดเยี่ยม. https://suriyapunt.blogspot.com 2025/09 

Agie Moregan. 2561. ความสัมพันธ์ในการทำงานของคุณเป็นเชิงธุรกรรมหรือเชิงการเปลี่ยนแปลง ? .leadstar.us. 

-----------------------. 2565. ห้าเหตุผลที่คุณต้องมีเพื่อนคิด.leadsart.us.

Barbara Bruns,Deon Filmer,and Harry Anthony Patrinos. (2011). Making Schools Work:New Evidence on Accountability Reforms. The World Bank. 

Corwin. (2024). การเรียนรู้ที่มองเห็นได้ (Visible Learning MetaX) www.Visiblelearningmetax.com [พฤศิกายน 2024].

Global Education Monitoring Report 2024/5 .UNESCO. 

Matt Andrews, Lant Pritchett, Michael Woolcock. (2012). Escaping Capability traps through Problem Driven Iterative Adaptation (PDIA). Working Papers. Center for International Development at Harvard University. 

Michael Woolcock. (2012). การหลีกหนีกับดักความสามารถผ่านการปรับตัวเชิงวนซ้ำที่ขับเคลื่อนด้วยปัญหา [สืบค้น Copilot 1/11/2567).
www.researchgate.net/profile/Michael Woolcock. 
        
Peter M. DeWitt และ Michael Nelson.(2568) Lead Collectively: From Belief to Action to Impact. www.coewin.org.

Sampson Armand. (2024). New Form Of Leadership.  5 January 2024.www.Sampsonarmand.co

The World Bank. (2018). Learning To Realize Education's Promise.www. World Bank.com 

The World Bank. (2023). Making Teacher Policy Work.  
www.worldbank.org (2 April 2024).





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Transformative Learning: Reflections on 40 Years of Head, Heart, and Hands at โรงเรียนธารทองพิทยาคม

การถกเถียงเรื่องโรงเรียนขนาดเล็กจบลงที่โรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม (The Small Schools Debate Ends at MFP School)

สิ่งมีชีวิตไม่จำเป็นต้องตาย...