Model การใช้ Effect Size และ Learning Analytics เพื่อการนิเทศของ ก.ต.ป.น. สพม.บุรีรัมย์

Model การใช้ Effect Size และ Learning Analytics เพื่อการนิเทศของ ก.ต.ป.น. สพม.บุรีรัมย์ 


         “Effect Size” ไม่ใช่แค่ศัพท์ทางสถิติ แต่เป็น “เครื่องมือชี้พลังของการเปลี่ยนแปลง” ซึ่งสามารถเปลี่ยนจากตัวเลขบนกระดาษ ให้กลายเป็น ข้อมูลเชิงนโยบาย (Policy Intelligence) ได้จริง" 
         โมเดลนี้ออกแบบให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง “Effect Size” และ “Learning Analytics” ที่เชื่อมโยงกันเพื่อสนับสนุนการนิเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีองค์ประกอบสำคัญ เช่น ข้อมูลพฤติกรรม ผลสัมฤทธิ์ และแบบสำรวจ ซึ่งนำไปสู่การวิเคราะห์และปรับปรุงการนิเทศในระดับพื้นที่

         แนวทาง 5 ขั้นตอน สำหรับการนำข้อมูล Effect Size ไปประยุกต์ใช้ในการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล และนิเทศการศึกษา (ก.ต.ป.น.) อย่างมีระบบ มีดังนี้ 

1. ใช้ Effect Size เป็น “ดัชนีเชิงลึก” ควบคู่กับคะแนนเฉลี่ย

     เปรียบเทียบได้ว่า: คะแนนเฉลี่ยบอก “ระดับคุณภาพ” ส่วน Effect Size บอก “แรงของการเปลี่ยนแปลง”

     ตัวอย่าง
     - คะแนนเฉลี่ยจากการนิเทศปี 2564 = 4.76
     -คะแนนเฉลี่ยจากการนิเทศปี 2568 = 4.86
→ Effect Size (Cohen’s d) = 0.28 = การเปลี่ยนแปลง “ขนาดเล็ก”

การตีความ:
     คะแนนยังอยู่ในระดับ “ยอดเยี่ยม” แต่การพัฒนาไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นั่นหมายถึง “ระบบมีความคงที่ในระดับสูง” — ควรเน้น คุณภาพเชิงลึกและนวัตกรรม มากกว่าปริมาณกิจกรรม

2. ใช้ Effect Size วิเคราะห์ “พลังของมาตรการ / นโยบาย" 
    เมื่อมีข้อมูลจากหลายตัวชี้วัด เช่น “Active Learning”, “การอ่าน”, “การแนะแนว”, “สิ่งแวดล้อมดี” สามารถคำนวณ Effect Size ของแต่ละตัวเพื่อดูว่า มาตรการใดให้ผลกระทบมากที่สุด

ตัวอย่าง
        ตัวชี้วัดEffect SizeการตีความActive Learning 0.42ปานกลาง (ควรขยายผล) การส่งเสริมการอ่าน 0.11ต่ำ (ควรปรับแนวทาง) การแนะแนว0.39 ปานกลางสิ่งแวดล้อมดี 0.55สูง (เป็นจุดแข็ง) 

การใช้จริง:
       ก.ต.ป.น. สามารถใช้ข้อมูลนี้ในการจัดลำดับความสำคัญของนโยบาย (“Impact Prioritization”) เช่น เน้นพัฒนา Active Learning และสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ เป็นหลัก

3. ใช้ Effect Size เป็นเกณฑ์ประเมิน “คุณภาพเชิงระบบ” ของสหวิทยาเขต  วิเคราะห์ว่า เขตใดมีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในเชิงคุณภาพ เช่น
      - สหวิทยาเขตลำปลายมาศ: d = 0.35 (พัฒนาเชิงลึก)
       - สหวิทยาเขตนางรอง: d = 0.12 (คงที่สูง)
       - สหวิทยาเขตประโคนชัย: d = -0.04 (ถดถอยเล็กน้อย)

ผลที่ได้:
        ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คณะกรรมการ ก.ต.ป.น. “เลือกพื้นที่เป้าหมายเชิงลึก” สำหรับการนิเทศแบบ Coaching & Mentoring ได้อย่างแม่นยำ

4. เชื่อมโยงกับ Learning Analytics
    นำผล Effect Size มารวมกับข้อมูลพฤติกรรมการเรียนรู้ เช่น
     - ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (O-NET, RT, NT)
     - ความพึงพอใจของครูและนักเรียน
     - ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาโรงเรียน แล้วใช้ Learning Analytics วิเคราะห์ “ปัจจัยที่สร้างผลกระทบสูงสุด (High-Impact Factors)”

ตัวอย่าง:
      โรงเรียนที่มี Effect Size สูง มักมี “ผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางวิชาการ” (Instructional Leadership) หรือ “ครูใช้ Active Learning อย่างต่อเนื่อง” 

5. ใช้ Effect Size เป็น “ภาษาใหม่” ของรายงาน ก.ต.ป.น.
     รายงานประจำภาคเรียน / ปี ควรเพิ่มคอลัมน์ “ขนาดของผล” พร้อมคำอธิบาย เช่น
      “ผลการพัฒนาด้านการอ่านมีค่า Effect Size = 0.11 แสดงว่าการเปลี่ยนแปลงมีขนาดเล็ก ควรเสริมการนิเทศเชิงลึกและการอ่านเชิงวิจัย”

ผลลัพธ์:
      ทำให้รายงานของ ก.ต.ป.น. ไม่ใช่เพียงการ “สรุปผล” แต่กลายเป็น รายงานเชิงวิเคราะห์เชิงระบบ (Analytical Report) ที่สื่อสารกับผู้บริหารและโรงเรียนได้ชัดเจน

สรุปแนวทางเชิงกลยุทธ์
      ขั้นตอนเครื่องมือผลลัพธ์วิเคราะห์ข้อมูลเดิม Effect Size + Mean เห็นพลังการเปลี่ยนแปลงวิเคราะห์ปัจจัยสำคัญ Learning Analytics เข้าใจต้นเหตุของผลลัพธ์นิเทศแบบชี้เป้าCoaching & Mentoringพัฒนาเชิงลึกเฉพาะจุดรายงานเชิงนโยบาย Policy Dashboard ขยายผลในระดับระบบ 








เอกสารอ้างอิง :

สุพัฒน์ สุกมลสันต์ (2553). ขนาดของผล : ความมีนัยสำคัญทางกาปฏิบัติในการวิจัย. วารสารภาษาปริทัศน์ ฉบับที่ 25 2553. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Transformative Learning: Reflections on 40 Years of Head, Heart, and Hands at โรงเรียนธารทองพิทยาคม

การถกเถียงเรื่องโรงเรียนขนาดเล็กจบลงที่โรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม (The Small Schools Debate Ends at MFP School)

สิ่งมีชีวิตไม่จำเป็นต้องตาย...