การใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนาโรงเรียนตลาดโพธิ์พทยาคม สหวิทยาเขตลำปลายมาศ


ความเป็นมา: 
      “การใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนาโรงเรียนตลาดโพธิ์พิทยาคม สหวิทยาเขตลำปลายมาศ สพม.บุรีรัมย์” โดยยึดกรอบแนวคิดของ Elaine Allensworth (2013) และเชื่อมโยงกับ รายงาน ก.ต.ป.น. 2568, รายงาน Best Practices 2568, คู่มือการนิเทศติดตาม 2568 ของ สพม.บุรีรัมย์และการนิเทศติดตามเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568..." 


การวิเคราะห์การใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนาโรงเรียนตลาดโพธิ์พิทยาคม ตามแนวคิด Allensworth (2013)
      การใช้ข้อมูล (data use) เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาโรงเรียน โดยเฉพาะในบริบทของโรงเรียนตลาดโพธิ์พิทยาคม ซึ่งตั้งอยู่ในสหวิทยาเขตลำปลายมาศ สพม.บุรีรัมย์ ที่มีความท้าทายด้านความหลากหลายของผู้เรียน ทรัพยากรจำกัด และความต้องการยกระดับผลสัมฤทธิ์อย่างต่อเนื่อง การนำกรอบของ Allensworth (2013) มาใช้วิเคราะห์ช่วยให้เห็นโครงสร้างที่จำเป็นเพื่อให้ข้อมูล “นำไปสู่การกระทำที่มีคุณค่า” มากกว่าการเป็นเพียงเอกสารหรือรายงาน

       ตามแนวคิด Allensworth การใช้ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพต้องประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ได้แก่
(1) เป้าหมายที่ชัดเจน (Focused
      Goals)
(2) ระบบข้อมูลที่เข้าถึงง่ายและมี
      คุณภาพ (Useful Data Systems)
(3) การตีความข้อมูลอย่างลึกซึ้ง
     (Meaningful Interpretation)
(4) การนำไปสู่การปฏิบัติจริง
      (Actionable Improvement)

1. การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและสอดคล้องบริบท (Focused Goals)
     จากรายงาน ก.ต.ป.น. ปี 2568 โรงเรียนตลาดโพธิ์พิทยาคมได้ระบุปัญหาหลัก เช่น
     - ผลสัมฤทธิ์ด้านภาษาและคณิตศาสตร์ยังไม่สม่ำเสมอระหว่างชั้นเรียน
     - อัตราการมาเรียนและความพร้อมในการเรียนของนักเรียนบางกลุ่มยังต่ำ
      - การออกแบบการเรียนรู้ยังไม่ตอบโจทย์ความหลากหลายของผู้เรียน

      ข้อค้นพบเหล่านี้สะท้อนตามคำแนะนำของ Allensworth ที่ระบุว่าโรงเรียนต้อง “เลือกปัญหาไม่กี่ประเด็นที่สำคัญจริง ๆ” เพื่อมุ่งพัฒนาอย่างมีเป้าหมาย โรงเรียนมีจุดเด่นคือได้กำหนดประเด็นเป้าหมายชัดเจน เช่น Literacy, Numeracy และการพัฒนาทักษะพื้นฐาน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ สพม.บุรีรัมย์ และเป็นการกำหนดทิศทางที่สอดคล้องกับหลักฐานจริง

2. ระบบข้อมูลที่เข้าถึงง่ายและมี
    คุณภาพ (Useful Data Systems)
    จากรายงาน Best Practices 2568 พบว่าโรงเรียนตลาดโพธิ์พิทยาคมได้พัฒนาระบบข้อมูลพื้นฐาน เช่น
    - การบันทึกข้อมูลผลสัมฤทธิ์และพฤติกรรมรายห้อง
    - รายงานการมาเรียนแบบรายสัปดาห์
    - แบบบันทึกการจัดการเรียนรู้ของครู
    - ระบบติดตามผู้เรียนกลุ่มเสี่ยง

      องค์ประกอบเหล่านี้สะท้อนความพยายามสร้าง “โครงสร้างข้อมูล” ที่ Allensworth เน้นว่าต้องเข้าใจง่าย ใช้ได้จริง และสนับสนุนการตัดสินใจของครูและผู้บริหาร
      อย่างไรก็ตาม จาก ก.ต.ป.น. พบข้อจำกัดว่า
      - ข้อมูลยังไม่รวมศูนย์ ทำให้ครูต้องเข้าหลายระบบ
      - การวิเคราะห์แนวโน้ม (trend) ยังทำไม่สม่ำเสมอ
      - ครูจำนวนหนึ่งขาดทักษะด้าน data literacy

      ดังนั้นโรงเรียนควรพัฒนาระบบ dashboard แบบหน้าเดียว (one-page dashboard) ที่แสดงข้อมูลสำคัญ เช่น คะแนน ความก้าวหน้า การมาเรียน และพฤติกรรม เพื่อเพิ่มคุณภาพการตัดสินใจของครูตามหลักของ Allensworth

3. การตีความข้อมูลอย่างลึกซึ้งและ
    เชื่อมโยงบริบท (Meaningful
    Interpretation)
    การตีความข้อมูลเป็นจุดแข็งหนึ่งของโรงเรียน โดยข้อมูลจาก Best Practices 2568 ระบุว่าโรงเรียนมีการประชุม PLC ใช้ข้อมูลจริง เช่น
    - วิเคราะห์คะแนน Benchmark และปลายหน่วย
    - พูดคุยสาเหตุของผลสัมฤทธิ์ต่ำ
    - ออกแบบรูปแบบสนับสนุนนักเรียนรายบุคคล

     การประชุมในลักษณะนี้สอดคล้องกับ Allensworth ที่เน้น “การสนทนาเชิงวิชาชีพที่มีโครงสร้าง” อย่างไรก็ตาม การตีความข้อมูลยังมีจุดที่ควรพัฒนา คือ
      - ข้อมูลพฤติกรรมและข้อมูลบริบทนักเรียนยังถูกนำมาใช้น้อย
      - การเชื่อมโยงข้อมูลกับการออกแบบแผนการสอนรายสัปดาห์ยังไม่เด่นชัด
      - ข้อมูลยังคงเป็นรายงานเชิงปริมาณมากกว่าเชิงคุณภาพ

      จึงควรออกแบบกระบวนการวิเคราะห์แบบ root-cause analysis และใช้คู่มือการนิเทศ 2568 ที่เน้นการตั้งคำถามเชิงลึก (probing questions) เพื่อช่วยให้ครูตีความข้อมูลได้ถูกทิศทางมากขึ้น

4. การนำข้อมูลไปสู่การปฏิบัติจริง
    (Actionable Improvement)
    คู่มือการนิเทศติดตาม 2568 เน้นบทบาทนิเทศแบบโค้ช (instructional coaching) ซึ่งโรงเรียนตลาดโพธิ์
พิทยาคมนำมาใช้ได้ดี เช่น
    การเยี่ยมชั้นเรียนสม่ำเสมอ
    การให้ feedback ครูภายใน 72 ชั่วโมง
    การติดตามผลการแก้ไขปัญหาเป็นรอบสั้น (short-cycle improvement)

    สิ่งนี้สะท้อนองค์ประกอบ “actionable” ที่ Allensworth เน้นว่าโรงเรียนต้องนำข้อมูลไปสู่การปรับการสอนทันที ไม่ใช่รอปลายภาค ข้อมูลจากภายในโรงเรียนยังชี้ว่า “แผนช่วยเหลือรายบุคคล” (ILP) สำหรับนักเรียนกลุ่มเสี่ยงช่วยลดจำนวนผู้ไม่ผ่านเกณฑ์ในบางรายวิชาได้จริง

       อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ขับเคลื่อนลึกขึ้น ควร
      - จัดระบบติดตามความก้าวหน้าแบบรายสัปดาห์
      - สร้างเป้าหมายย่อยรายห้อง/รายครู
      - ใช้ข้อมูลการมาเรียนและพฤติกรรมเชื่อมโยงกับผลสัมฤทธิ์ในแบบ predictive

ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติสำหรับโรงเรียนตลาดโพธิ์พิทยาคม
      1. จัดทำ dashboard รายสัปดาห์ ครอบคลุม 4 มิติ: ผลสัมฤทธิ์–ความก้าวหน้า–พฤติกรรม–การมาเรียน
      2. เสริมทักษะ data literacy ให้ครู เช่น การอ่านแนวโน้ม การใช้ข้อมูลออกแบบการสอน
      3. พัฒนา PLC แบบ data-driven ที่มี protocol ชัดเจน
      4. ใช้ข้อมูลจากการนิเทศต่อยอดสู่การปรับการสอนรายสัปดาห์
      5. ออกแบบระบบ Early Warning System (EWS) สำหรับผู้เรียนเสี่ยงหลุด หรือผลสัมฤทธิ์ต่ำ







เอกสารอ้างอิง

Allensworth, E. (2013). How to use data effectively to improve schools. University of Chicago Consortium on Chicago School Research.

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์. (2568). รายงานการประชุมคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล และนิเทศการศึกษา (ก.ต.ป.น.) ปีงบประมาณ 2568.

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์. (2568). Best Practices ด้านการใช้ข้อมูลเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ปีการศึกษา 2568.

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์. (2568). คู่มือการนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา ปีการศึกษา 2568.





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Transformative Learning: Reflections on 40 Years of Head, Heart, and Hands at โรงเรียนธารทองพิทยาคม

การถกเถียงเรื่องโรงเรียนขนาดเล็กจบลงที่โรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคม (The Small Schools Debate Ends at MFP School)

สิ่งมีชีวิตไม่จำเป็นต้องตาย...